วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประสบการณ์ภาวนา ๖

หากเราต้องการจะไปภาวนาห่างจากศาลาปฏิบัติธรรมบนยอดเขาแล้ว จะต้องขึ้นไปภาวนาบนต้นไม้แบบนี้ เพราะข้างล่างเต็มไปด้วยทาก อาจจะดูดเลือดถึงตายได้

ประสบการณ์ภาวนา๕


นี่คือศาลาปฏิบัติธรรมบนเขาชมพู่ อากาศปลอดโปร่งดี เหมาะสมในการภาวนาเป็นอย่างยิ่ง ที่หลวงตาพระอาจารย์ช่วน เจ้าของฉาลาปลักขลิกอันลือลั่นเคยมาพักปฏิบัติธรรที่นี่ จนในที่สุดสังขารสู้ไม่ไหวจึงได้ออกปากกับพระอาจารย์พระครูประกาศพุทธพากย์ว่าทผมแก่แล้วขึ้นไม่ไหว มอบให้ท่านมหารับผิดชอบ

ประสบการภาวนา ๔

บนยอดเขาชมพู่ ลานศาลาปฏิบัติธรรมจะมีรูปพระาษีหลายรูปด้วยกัน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ส่วนมากเทพเจ้าผู้เป็นฤาษีท่านจะเป็นผู้ดูแลผู้มาปฏิบัติธรรมที่นี่ ด้วยความเมตตา เพราะเหตุนี้เองการปฏิบัติธรรมจึงเป็นสัปปายะและนับว่าเป็นสถานที่อันเป็นมงคลยื่งแห่งหนึ่ง ยืนใส่เสื้อสีขาวคือผู้เขียนเอง มีพระครูสิริธรรมวิเทศ พระอาจารย์วิชัยอยู่ด้านหลังข้างพระฤาษี

ประสบการภาวนา ๓

เพิ่มคำอธิบายภาพ
ภาพนี้บันทึกไว้เมื่อ ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมา คราวที่พระอาจารย์พระครูประกาศพุทธพากย์ขณะที่ยังเป็นพระมหาสมพร กตวโร หลังจากได้เรียนกัมมักฐานจากครูบาอาจารย์แล้วก็ออกแสวงหาที่วิเวกบำเพ็ญเพียรตามอริยะประเพนีที่ครูบาอาจารย์เคยนำพาปฏิบัติมา ที่เห็นในภาพคือทางเดินในป่าขึ้นเทือกเขาชมพู อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พากันไปพร้อมภิกษุสามเณรผู้ใคร่ในการปฏิบัติ แม้จะยากลำบากขาดแคลนเพียงใดก้พยายามอดทน อดกลั้่น หวังจะได้พบพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดังใจหวัง สมัยแรกจะเดินผ่านตรงนี้ทุกคนก็ต้องถือพร้าคนละเล่มเพื่อตัดวัชชะพืชที่งอกออกมาปกคลุมทางเอาไว้ แต่เมื่อเราขึ้นบ่อยใครขึ้นก็พยายามตัดออก เพราะในป่านั้นพวกต้นไม้ใบหญ้่างอกเร็วมาก หากเราไม่พยายามตัด ไม่นานหนทางก็ถูกปิดหมด แม้จะเผชิญกับอุปสัคนานาชนิด โดยเฉพาะพวกโอปปาติกะที่ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่ด้วยอำนาจแห่างธรรมก็สามารถผ่านพ้นมาได้ คราวหนึ่งบนศาลาปฏิบัีติธรรม มันกระโดดออกมาสี่ตนจากสี่ทิศมาทับพระอาจารย์ไว้ ท่านต้องใช้อำนาจแห่งพระธรรมต่อสู้ ท่านเล่าว่าพอกำหนดจิตมันกระเด็นตกศาลาไปเลย จากนั้นมามันก็ไม่มารบกวนอีก

ประถสบการภาวนา๒

เมื่อคราวบุกป่าผ่าดงดิบแห่งเขาชมพู่ติดตามพระอาจารย์พระครูประกาศพุทธพากย์ ไปแสวงหาสถานที่บำเพ็ญเพียรภาวนาตามป่าเขาเมื่อ ๒๐ กว่าปีที่ผ่านมา เมื่อขึ้นเขา หน้าที่ของทุกคนก็คตือเอาน้ำดื่มถือขึ้นไปด้วยทุกคน เพราะว่าแม้จะมีน้ำบนเขา แต่ก็เนื่องจากเป็นน้ำป่าอาจจะมีอันตรายอยู่ด้วยเกี่ยวกับเชื้อโรคต่างๆ เว้นเสียแต่ว่าจะต้องนำมาต้มให้เดือดเสียก่อนจึงฉันได้ สถานที่ภาวนาแห่งนี้ทำให้ผมได้เห็นนรกขี้เถ้าเป็นครั้งแรก โดยภายในจิตนั้นเหาะลงไปทางหลังเขาแล้วไปยังนรกขุมต่างๆที่จำได้ก็คือเมือเหาะผ่านไปมองลงไปข้างล่างเต็มไปด้วยขี้เถ้า มีความรู้ขึ้นมาว่านี่คือนรกขี้เถ้า ลังเลอยู่พักหนึ่งว่าจะเหาะข้ามไปดีไหมทแต่พอขยับจะเหาะข้ามปรากฏมีมือจำนวนมากโผล่ขึ้นมาจากขี้เถ้านั้นมาคว้ายังตัวเราเลยต้องรีบถอยหลังหนีมา นี่คตือประสบการเรื่องนรกขี้เถ้าในการมาภาวนาที่นี่ 

ประสบการภาวนาที่เขาชมพู่

เมื่อนานมาแล้วหากนับย้อนกลับไปก็ประมาณ ปี ๒๕๓๕ เมื่อพระอาจารย์พระครูประกาศพุทธพากย์ชักชวนเพื่อนสหธรรมมิกมีพระอาจารย์พระครูสิริธรรมวิเทศที่ยืนอยู่กลางในภาพ มีลุงภารโรงโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยารามที่กำลังถือด้ามจอบยืนด้านหน้า พร้อมด้วยผู้เขียนยืนอยู่ด้านหลัง ที่เรายืนอยู่เป็นพื้นที่ราบใกล้ๆศาลาปฏิบัติธรรมบนยอดเขาชมพู่ หากออกจากบริเวณตรงนี้ที่เป็นป่าดงดิบด้านหลังออกไป จะเป็นบริเวณป่าชื้น อุดมไปด้วยตัวทากดูดเลือดเป็นแสนเป็นล้านอาศัยอยู่ในป่านี้คอยดูดเลือดคนและสัตว์ที่ผ่านเข้าไป หากต้องการไปภาวนาในพื้นที่นอกจากตรงที่เราทำความสะอาดปัดกวาดดายหญ้าและเป็นพื้นดินที่แห้งตรงนี้แล้ว ต้องขึ้นไปทำห้างอยู่บนต้นไม้ เพื่อนั่งภาวนา ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะถูกทากมาดูดเลือดจนตายเดียว ส่วน้ำดื่มต้องสบายกันขึ้นไป เพราะน้ำข้างบนไม่เหมาะในการดื่ใแต่ใช้่สำหรับอาบได่ ห่างจากศาลาไปทางทิศตะวัีนตกประมาณ ๒๐ เมตร จะมีบ่อน่้ำเป็นแอ่งหิน ผู้คนเรียกบ่อน้ำนี้ว่า บ่อน้ำพระเจ้าตาก ส่วนเรื่องราวเกี่ยวข้องกับพระเจ้าตากเป้นประการใดผู้เขียนก็ไม่สามารถสืบค้นนำมาเสนอได้ พระอาจารย์เล่าว่า สถานที่ปฏิบัีติธรรมบนเขาชมพู่แห่งนี้เป็นที่ร่ำลือกันมาแต่โบราณว่าเป็นสถานที่
บรรดาครูบาอาจารย์ในปางก่อนได้เคยมาอาศัยปฏิบัติธรรมแล้วได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจทุกท่าน จึงได้มาทดลองดูบ้าง ขณะนั้นได้มีหลวงตา ดร.ช่วน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลัดขิกก็มาปฏิบัติอยู่ที่นี่ด้วย ภายหลังได้บอกกับพระอาจารย์ว่า "ผมแก่แล้วขึ้นไม่ไหว ขอให้ท่านมหารับผิดชอบสถานปฏิบัติธรรมยอดเขาชมพู่ด้วยนะ" จากนั้นมาก็ได้อยู่ปฏิบัติที่นี่พร้อมพาคณะย้ายไปลองปฏิบับัติตามที่ต่างๆในเมือกเขาแห่งนี้ จนได้พบได้เห็นมีประสบการณ์น่านำมาเล่าก็คือเรนื่องเทพธิดาแห่งต้นตะเคียนใหญ่ เทพธิดาท่านนี้ได้มาสเกี่ยวข้องกับพระอาจารย์อย่าางไร ก็คือคราสวหนึ่ง พระอาจารย์พาคณะขึ้นไปปฏิบัติธรรม โดยให้เณรเอาข้าวสารขึ้นไปต้มใส่น่ำเยอะๆ แบ่งกันกิน จนข้าวหมด ยังไม่อยากลงมา ก็เลยให้เณรลงมาเอาข้าวสารคนเดียว เณรลงมาหาหลวงตาที่สำนักเชิงเขาแล้วก็เอาข้าวขึ้นไป เกิดหลงป่า ใกล้มืดค่ำเข้าทุกที ในป่าก็อุดมด้วยสัตว์ป่านานาชนิด มี เสือ หมูป่า หมี เป็นต้นท่องเที่ยวอยู่ในป่านี้ เมื่อจนตรอกหาทางทางไปไม่ได้หลงป่าจึงอธิษฐานขอเทวดาช่วย เทพธิดาท่านนี้จึงได้นำสามเณรขึ้นไปหาพระอาจารย์โดยปลอดภัย พวกเราจึงได้ไปเยี่ยมขอบคุณท่านที่ต้นตะเคียนใหญ่ท่านสิงสถิตอยู่ มีประสบการเกี่ยวกับการภาวนามากมาย มีเวลาจะได้เล่าให้ฟังอีก

หินตา ยาย ถ้ำเม็งหยวน





หินตา ยาย ในถ้เม็งหยวน เมืองแวน สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐปรชาชนจีน