อย่าคาดหมายผลที่จะพึงเกิดขึ้น
การตั้งเป้าหรือคาดหมายผลในการภาวนานั้นเป็นเหตุให้กั้นจิตไม่ให้สงบได้
ดังนั้นจึงควรทำไปตามปกติเพื่อสร้างสมสติปัญญาไปตามลำดับ ข้อนี้
ดังจะเห็นได้จากคำสอนของครูบาอาจารย์เช่นดังที่หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ได้กล่าวไว้ใน หนังสือปฏิปทาพระธุดงค์กัมมัฏฐาน ดังมีข้อความดังนี้
“การบริกรรมภาวนาในธรรมบทใดก็ตาม
กรุณาอย่าคาดหมายผลที่จะพึงบังเกิดขึ้นในเวลานั้น
เช่น ความสงบจะเกิดขึ้นในลักษณะนั้น นิมิตต่าง ๆ จะเกิดขึ้นในเวลานั้น
หรืออาจจะเห็นนรกสวรรค์ขุมใดหรือชั้นใดในเวลานั้น เป็นต้น นั่นเป็นการคาดคะเนหรือด้นเดาซึ่งเป็นการก่อความไม่สงบให้แก่ใจเปล่าๆ
ไม่เกิดประโยชน์อะไรจากการวาดภาพนั้นเลย
และอาจทำใจให้ท้อถอยหรือหวาดกลัวไปต่างๆ
ซึ่งผิดจากความมุ่งหมายของการภาวนาโดยถูกทางที่ท่านสอนไว้
ที่ถูกควรตั้งจิตกับสติไว้เฉพาะหน้า
มีคำบริกรรมเป็นอารมณ์ของใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
โดยมีใจกับสติต่ออยู่กับคำบริกรรม เช่น พุทโธ ๆ สืบเนื่องกันไปด้วยความมีสติ
และพยายามทำความรู้สึกตัวอยู่กับคำบริกรรมนั้นๆ
อย่าให้จิตเผลอตัวไปสู่อารมณ์อื่น
ระหว่างจิต สติ กำกับคำบริกรรมมีความสืบต่อกลมกลืนกันได้เพียงไร
ยิ่งเป็นความมุ่งหมายของการภาวนาเพียงนั้น
ผลคือความสงบเย็นหรืออื่นๆ
ที่แปลกประหลาดไม่เคยพบเห็น
อันจะพึงเกิดขึ้นให้ชมตามนิสัยวาสนาในเวลานั้นจะเกิดขึ้นเอง
เพราะอำนาจของการรักษาจิตกับคำบริกรรมไว้ได้ด้วยสตินั่นแล
จะมีอะไรมาบันดาลให้เป็นขึ้นไม่ได้”