ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ข้อกำหนดด้วยธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
กะถัญจะ ภิกขะเว ภิกขุ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไร ภิกษุ
ธัมเมสุ ธัมมานุปัสสี วิหะระติ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่
นิวรณ์ 5
อิธะ ภิกขะเว ภิกขุ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ธัมเมสุ ธัมมานุปัสสี วิหะระติ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม
ปัญจะสุ นีวะระเณสุ คือนิวรณ์ ๕
กะถัญจะ ภิกขะเว ภิกขุ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไร ภิกษุ
ธัมเมสุ ธัมมานุปัสสี วิหะระติ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม
ปัญจะสุ นีวะระเณสุ คือนิวรณ์ ๕
อิธะ ภิกขะเว ภิกขุ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
1 กามฉันทะ
1 สันตัง วา อัชฌัตตัง กามะฉันทัง เมื่อกามฉันท์ ( ความพอใจในกามารมณ์) มี ณ ภายในจิต
อัตถิ เม อัชฌัตตัง กามะฉันโทติ ปะชานาติ ก็รู้ชัดว่า กามฉันท์มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
2 อะสันตัง วา อัชฌัตตัง กามะฉันทัง หรือเมื่อกามฉันท์ไม่มี ณ ภายในจิต
นัตถิ เม อัชฌัตตัง กามะฉันโทติ ปะชานาติ ก็รู้ชัดว่ากามฉันท์ไมมี ณ ภายในจิตของเรา
3 ยะถา จะ อะนุปปันนัสสะ อนึ่ง กามฉันท์อันยังไม่เกิดขึ้น
กามะฉันทัสสะ อุปปาโท โหติ ย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
4 ยะถา จะ อุปปันนัสสะ อนึ่ง ความละกามฉันท์ที่เกิดขึ้นแล้วเสียได้
กามะฉันทัสสะ ปะหานัง โหติ ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
5 ยะถา จะ ปะหีนัสสะ กามะฉันทัสสะ อนึ่ง ความที่กามฉันท์อันตนละเสียแล้ว
อายะติง อะนุปปาโท โหติ ไม่เกิดขึ้นต่อไปได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
2. พยาบาท
1 สันตัง วา อัชฌัตตัง พะยาปาทัง อนึ่ง เมื่อพยาบาท (ความคิดแช่งสัตว์ให้พินาศ)
มี ณ ภายในจิต
อัตถิ เม อัชฌัตตัง พะยาปาโทติ ปะชานาติ ย่อมรู้ชัดว่า พบาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
2 อะสันตัง วา อัชฌัตตัง พะยาปาทัง หรือเมื่อพยายามไม่มี ณ ภายในจิต
นัตถิ เม อัชฌัตตัง พะยาปาโทติ ปะชานาติ ย่อมรู้ชัดว่าพยายามไม่มี ณ ภายใจจิตของเรา
3 ยะถา จะ อะนุปปันนัสสะ อนึ่ง ความที่พยายามอันยังไม่เกิดขึ้น
พะยาปาทัสสะ อุปปาโท โหติ ย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
4 ยะถา จะ อุปปันนัสสะ อนึ่ง ความละพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้ว
พะยาปาทัสสะ ปะหานัง โหติ เสียได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
5 ยะถา จะ ปะหีนัสสะ พะยาปาทัสสะ อนึ่ง ความที่พยาบาทอันตนละได้เสียแล้ว
อายะติง อะนุปปาโท โหติ ไม่เกิดขึ้นต่อไปได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
3 ถีนะมิททะ
1 สันตัง วา อัชฌัตตัง ถีนะมิททัง อนี่ง เมื่อถีนมิทธะ(ความคร้านกายและง่วงเหงา)
อัตถิ เม อัชฌัตตัง ถีนะมิทธันติ ปะชานาติ มี ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะมีอยู่
ณ ภายในจิตของเรา
2 อะสันตัง วา อัชฌัตตัง ถีนะมิทธัง หรือ เมื่อถีนมิทธะไม่มี ณ ภายในจิต
นัตถิ เม อัชฌัตตัง ถีนะมิทธันติ ปะชานาติ ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะไม่มี ณ ภายในจิตของเรา
3 ยะถา จะ อะนุปปันนัสสะ อนึ่ง ความที่ถีนมิทธะอันยังไม่เกิดขึ้น
ถีนะมิทธัสสะ อุปปาโท โหติ ย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
4 ยะถา จะ อุปปันนัสสะ อนึ่ง ความละถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว
ถีนะมิทธัสสะ ปะหานัง โหติ เสียได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
5 ยะถา จะ ปะหีนัสสะ ถีนะมิทธัสสะ อนึ่ง ความที่ถีนมิทธะอันตนละเสียแล้ว เกิดขึ้น
อายะติง อะนุปปาโท โหติ ไม่เกิดขึ้นต่อไปได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
4 อุธัจจะกุกกุจจะ
1 สันตัง วา อัชฌัตตัง อุทธัจจะกุกกุจจัง อนึ่ง เพื่ออุทธัจจะกุกกุจจะ( ความฟุ่งซ่านและรำคาญใจ)
อัตถิ เม อัชฌัตตัง มี ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจะกุกกุจจะ
อุทธัจจะกุกกุจจันติ ปะชานาติ มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
2 อะสันตัง วา อัชฌัตตัง อุทธัจจะกุกกุจจัง เมื่ออุทธัจจะกุกกุจจะไม่มี ณ ภายในจิต
นัตถิ เม อัชฌัตตัง อุทธัจจะกุกกุจจันติ ย่อมรู้ชัดว่าอุทธัจจะกุกกุจจะ
ปะชานาติ ไม่มี ณ ภายในจิตของเรา
3 ยะถา จะ อะนุปปันนัสสะ อนึ่ง
ความที่อุททธัจจะกุกกุจจะอันยังไม่เกิดขึ้น
อุทธัจจะกุกกุจจัสสะ อุปปาโท โหติ ย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
4 ยะถา จะ อุปปันนัสสะ อนึ่ง ความละอุทธัจจะกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้วเสียได้
อุทธัจจะกุกกุจจัสสะ ปะหานัง โหติ ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
5 ยะถา จะ ปะหีนัสสะ อุทธัจจะกุกกุจจัสสะ อนึ่ง ความที่อุทธัจจะกุกกุจจะอันตนละเสียแล้ว
อายะติง อะนุปปาโท โหติ ไม่เกิดขึ้นต่อไปได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
5 วิจิกิจฉา
1 สันตัง วา อัชฌัตตัง วิจิกิจฉัง อนึ่ง เมื่อวิจิกิจฉา(ความเคลือบแคลงสงสัย)
มีอยู่ ณ ภายในจิต
อัตถิ เม อัชฌัตตัง วิจิกิจฉาติ ปะชานาติ ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
2 อะสันตัง วา อัชฌัตตัง วิจิกิจฉัง หรือ เมื่อวิจิกิจฉาไม่มี ณ ภายในจิต
นัตถิ เม อัชฌัตตัง วิจิกิจฉาติ ปะชานาติ ย่อมรู้ชัดว่าวิจิกิจฉาไม่มี ณ ภายในจิตของเรา
3 ยะถา จะ อะนุปปันนายะ อนึ่ง ความที่วิจิกิจฉาอันยังไม่ไดเกิดขึ้น
วิจิกิจฉายะ อุปปาโท โหติ ย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
4 ยะถา จะ อุปปันนายะ อนึ่ง ความละวิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้วเสีย
วิจิกิจฉายะ ปะหานัง โหติ ได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
5 ยะถา จะ ปะหีนายะ วิจิกิจฉายะ อนึ่ง ความที่วิจิกิจฉาอันตนละเสียแล้ว
อายะติง อะนุปปาโท โหติ ไม่เกิดขึ้นต่อไปได้ด้วยประการใด
ตัญจะ ปะชานาติ ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
อิติ อัชฌัตตัง วา ธัมเมสุ ดังนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม
ธัมมานุปัสสี วิหะระติ เป็นภายในบ้าง
พะหิทธา วา ธัมเมสุ ธัมมานุปัสสี วิหะระติ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมเป็นภายนอกบ้าง
อัชฌัตตะพะหิทธา วา ธัมเมสั ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งภายใน
ธัมมานุปัสสี วิหะระติ ทั้งภายนอกบ้าง
สะมุทะยะธัมมานุปัสสี วา ธัมเมสุ วิหะระติ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา
คือ ความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง
วะยะธัมมานุปัสสี วา ธัมเมสุ วิหะระติ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา คือความเสื่อมไปในธรรมบ้าง
สะมุทะยะวะยะธัมมานุปัสสี วา ย่อมพิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้น
ธัมเมสุ วิหะระติ ทั้งความเสื่อมไปในธรรมบ้าง
อัตถิ ธัมมาติ วา ปะนัสสะ ก็หรือสติว่าธรรมมีอยู่ เข้าไปตั้งอยู่
สะติ ปัจจุปัฏฐิตา โหติ เฉพาะหน้าแก่เธอนั้น
ยาวะเทวะ ญาณะมัตตายะ แต่เพียงสักว่าเป็นที่รู้ แต่เพียงสักว่า
ปะติสสะติมัตตายะ เป็นที่อาศัยระลึก
อะนิสสิโต จะ วิหะระติ เธอย่อมไม่ติดอยู่ด้วย
นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยติ ย่อมไม่ยึดถืออะไรๆ ในโลกด้วย
เอวัมปิ โข ภิกขะเว ภิกขุ ธัมเมสุ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมพิจารณาเห็น
ธัมมานุปัสสี วิหะระติ ปัญจะสุ นีวะระเณสุ ธรรมในธรรมคือนิวรณ์ ๕ อย่างนี้แล
นีวะระณปัพพัง จบข้อกำหนดด้วยนีวรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น