๑๖. เอวัง ปัสสัง ภิกขะเว ตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น ดังนี้
สัตวา อะริยะสาวะโก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้
รูปัสมิงปิ นิพพินทะติ ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในรูป
เวทะนายะปิ นิพพินทะติ ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในเวทนา
สัญญายะปิ นิพพินทะติ ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสัญญา
สังขาเรสุปิ นิพพินทะติ ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสังขารทั้งหลาย
วิญญาณัสมิงปิ นิพพินทะติ ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในวิญญาณ
นิพพินทัง วิรัชชะติ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายความติด
วิราคา วิมุจจะติ เพราะคลายความติด จิตก็พ้น
วิมุตตัสมิง วิมัตตะมีติ ญาณัง โหติ เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็เกิดญาณรู้วาพ้นแล้ว ดังนี้
ขีณา ชาติ วุสิตัง พฺรหฺมะจะริยัง อริยสาวกนั้น ย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
กะตัง กะระณียัง
พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเราได้ทำเสร็จ
นาปะรัง อิตถัตตายาติ ปะชานาติ แล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
๑๗. อิทะมะโว จะ ภะคะวา พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระสูตรนี้จบลง
อัตตะมะนา ปัญจะวัคคิยา ภิกขู พระภิกษุปัญจวัคคีย์ก็มีใจยินดี
ภะคะวะโต ภาสิตัง อภินันทุง เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อิมัสมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสมิง ก็แล เมื่อเวยากรณ์นี้ อันพระผู้มีพระภาคตรัสอยู่
ภัญญะมาเน จิตของพระภิกษุปัญจวัคคีย์
ปัญจะวัคคิยานัง ภิกขูนัง อนุปาทายะ พ้นแล้ว จากอาสวะ
อาสะเวหิ จิตตานิ วิมุจจิงสูติ ทั้งหลาย ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทานแล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น