ที่ตั้งฐานสูงต่ำแห่งอารมณ์ของจิต
ในหนังสือปฏิปทาของพระธุดงค์กัมมัฏฐานกล่าวเอาไว้ในเรื่องฐานสูงต่ำแห่งอารมณ์ของจิตดังนี้
“กรรมฐานบางประเภทอันเป็นอารมณ์ของจิตย่อมมีฐานเป็นตัวอยู่แล้ว เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน
มีฐานเป็นของตัวอยู่โดยเฉพาะ
ส่วนหนังบางส่วนที่ถูกกำหนดเป็นฐาน ย่อมทราบว่าอยู่ในที่เช่นไร
สิ่งที่ถูกกำหนดนั้นๆ
พึงทราบไว้ว่ามีอยู่
อารมณ์แห่งกรรมฐานในที่เช่นนั้นๆ
สูงหรือต่ำประการใด สิ่งนั้นๆ
มีฐานของตนอยู่ตายตัว เช่น ฟังมีอยู่ในมุขทวาร
ผมตั้งอยู่บนศีรษะมีส่วนสูงเป็นที่อยู่ นอกนั้น เช่น หนัง ผม ขน เอ็น กระดูก
มีอยู่ในที่ทั่วไปตามแต่จะกำหนดเอาอาการใดเป็นอารมณ์แห่งกรรมฐานและอาการนั้นๆ ตั้งอยู่ในที่เช่นไร เวลากำหนดสิ่งนั้น ๆ
เป็นอารมณ์ตามฐานของตนที่ตั้งอยู่สูงหรือต่ำประการใด กรุณาทราบไว้ตามฐานของสิ่งนั้นๆ
เวลากำหนดอาการใดอาการหนึ่งที่กล่าวมาเป็นอารมณ์ในขณะภาวนา
พึงกำหนดเฉพาะอาการนั้นเป็นสำคัญกว่าความสู่งหรือต่ำที่กำหนดไว้เดิม
เช่นเดียวกับท่านั่งสมาธิที่เอนเอียงไปบ้างไม่สำคัญ ความสูงหรือต่ำที่เรากำหนดไว้เดิมอย่างไร
ก็ปล่อยตามสภาพเดิม
อย่ายกกรรมฐานที่กำหนดแล้วว่าอยู่ในที่เช่นนั้นมาตั้งใหม่เรื่อย ๆ โดยเข้าใจว่าเคลื่อนจากที่เดิม ถ้ายกมาตั้งใหม่ตามความสำคัญของใจ จะทำให้เป็นกังวลกับฐานนั้นๆ
ไม่เป็นอันกำหนดภาวนากับกรรมฐานบทนั้นได้อย่างถนัดชัดเจน เช่น
กำหนดกระดูกศีรษะและเพ่งสิ่งนั้นเป็นอารมณ์
จนปรากฏเห็นเป็นภาพชัดเจนเหมือนกับดูด้วยตาเนื้อ แต่แล้วเกิดความสำคัญขึ้นว่ากระดูกศีรษะนั้นได้เคลื่อนจากฐานบนมาอยู่ฐานล่างซึ่งผิดกับความจริง
แล้วกำหนดใหม่ ดังนี้เป็นต้น
ซึ่งเป็นการสร้างความลูบคลำสงสัยให้แก่ใจอยู่เสมอ
ไม่มีเวลาพิจารณาอาการนั้นๆ ให้แนบสนิทลงได้
ที่ถูกควรกำหนดอาการนั้น ๆ
ให้อยู่ในความรู้สึกหรือความเห็นภาพแห่งอาการนั้นๆ ด้วยความรู้สึกทางสติไปตลอดสาย
แม้ภาพของอาการนั้นๆ
จะแสดงอาการใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงหรือแสดงอาการแตกสลายไป ก็ควรกำหนดรู้ไปตามอาการของมัน
โดยไม่คำนึงถึงความสูงต่ำที่เคยกำหนดไว้เดิม
การทำอย่างนี้จะทำให้จิตแนบสนิทและเกิดความสลดสังเวชไปกับอาการที่กำหนดซึ่งแสดงอาการแปรสภาพให้เห็นอย่างเต็มใจ
“
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น