สรุปแล้วก็คือ To
summarize:
๑ เพื่อช่วยให้พลังงานที่มีอยู่ในร่างกายทุกส่วนของ a. for the sake of
improving the energy already existing
คนเราทุกคนให้ดีขึ้น
เพื่อต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ในตัว in
every part of your body, so that you can contend with
เช่น
ไม่สบายในร่างกายเป็นต้น such
things as disease and discomfort; and
๒
เพื่อช่วยความรู้ทีมีอยู่แล้วของคนทุกคนให้แจ่มใส b. for the sake of clarifying the knowledge which already
ขึ้น
เพื่อเป็นหลักวิชา วิมุติ วิสุทธิ ความหมดจดสะอาด exists within you, so that it can become a basis for the
ในทางจิตใจ skills
leading to release and purity of heart-
หลักอานาปาฯ
ทั้ง ๗ ข้อนี้ ควรถือไว้เป็นหลักสูตร You
should always bear these seven steps in mind,
เพราะเป็นเรื่องสำคัญของอานาปาฯทั้งสิ้น because they are absolutely essential to
every aspect of
เมื่อรู้เรื่องสำคัญเหล่านี้แล้ว
ก็เท่ากับว่าเราได้ตัดถนน breath
meditation. When you have mastered them, you will
เส้นใหญ่
ส่วนถนนซอยนั้นไม่สำคัญ คือ ส่วนปลีก have
cut a main road. As for the side roads—the incidentals
ย่อยของอานาปาฯ
นั้นยังมีอยู่อีกมาก แต่ไม่ค่อย of
breath meditation—there are plenty of them, but they
สำคัญ
ฉะนั้น จึงควรปฏิบัติและดำเนินตามแบบนี้ aren’t really important. Therefore, you will be
perfectly safe
ไว้ให้มาก
ท่านจะได้รับความปลอดภัยเป็นอย่าง if
you stick to these seven stops, and practice them
ยิ่งทีเดียว as
much as possible.
ถ้าท่านรู้จักปรับปรุงแก้ไขลมหายใจ Once you have learned to put your
breath in order, it is
ของตัวเอง
โดยสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ก็เท่ากับว่า as if you have put everyone in your home
in order. The
คนในบ้านของท่านเป็นคนดี
ส่วนปลีกย่อยนั้น incidentals
of breath meditation are like people outside
เปรียบเหมือนคนนอกบ้าน
คือ แขก ถ้าคนในบ้าน your
home—i.e. visitors. Once the people in your home
ของเราดี คนนอกบ้านก็ต้องดีไปตามเรา คนนอก are well-behaved, hour visitors will have
to fall in line.
บ้านหรือแขกในที่นี้ได้แก่นิมิตต่างๆ
และลมสัญจร The
‘visitors’ here are the signs (nimitta) and vagrant breaths
ที่จะต้องผ่านไปผ่านมาในรัศมีแห่งลมของเราที่ทำอยู่ that will tend to pass
within the range of the breath you are
บางทีเกิดแสงสว่างขึ้น
บางทีปรากฏเป็นรูปคน หรือ dealing
with: e.g. the various signs that arise from the breath
รูปสัตว์
เป็นตัวเองหรือคนอื่น บางคราวเกิดนิมิต and may appear as images—bright lights,
people, animals,
ขึ้นทางหู
เช่นได้ยินเสียงคำพูดของบุคคลผู้อื่น yourself,
others; or as sounds—the voices of other people,
จำได้บ้าง
ไม่ได้บ้าง บางคราวให้ปรากฏกลิ่นต่างๆ some of whom you may recognize, others of whom you may
ขึ้นทางจมูก
บางทีก็เป็นกลิ่นหอม บางทีก็เป็นกลิ่น not. Sometimes the signs appear as smells-- sometimes
เหม็นเหมือนกลิ่นซากศพ
fragrant, sometimes foul
like a corpse.
บางคราวหายใจเข้าไปให้เกิดความอิ่มเอิบซึมซาบไปทั่ว Sometimes the in-breath can make you feel so
full
สรรพางค์กายจนไม่รู้สึกหิวข้าวหิวน้ำ
throughout
the body that you feel no need to eat or drink.
บางคราวเกิดสัมผัสขึ้นในทางกาย
ให้มีอาการอุ่นๆ Sometimes
the breath can send warm, hot, cold or tingling
ร้อนๆ
เย็นๆ ชา ส่ายไปส่ายมาตามสรรพางค์กาย sensations through the body. Sometimes
it can cause things
บางทีให้ผุดขึ้นทางจิตใจซึ่งเราไม่เคยนึกคิดก็เกิดขึ้นได้
which never before occurred to you
to spring suddenly to
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้
ชื่อว่า “ แขก” ก่อนทีเรา mind. All of these things are classed as
visitors. Before you
จะรับแขกเหล่านี้ให้ปรับปรุงจิตและลมหายใจของตัว go receiving visitors,
you should put your breath and mind
ให้เรียบร้อยและมั่นคงเสียก่อน
จึงค่อยรับแขก into
good order, making them stable and secure. In
การทีเราจะต้อนรับแขกเหล่านี้
เราก็ต้องบังคับ receiving
these visitors, you first have
ปรับปรุงแขกให้อยู่ในอำนาจเสียก่อน
to
bring them under your control.
ถ้าแขกไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของเรา
If you can’t
control them,
อย่าเพิ่งไปคลุกคลีกับเขา
ๆ don’t have anything to do with them:
อาจจะนำความเสื่อมเสียมาสู่เราได้
ถ้าหากเรารู้จัก They
might lead you astray.But if, on the other hand,
ปรับปรุงเขา
สิ่งเหล่านั้นก็จะเป็นเครื่องสนับสนุน you can put them through their paces, they can be
เราต่อไป of
use to you later on.
การปรับปรุงนั้น
ได้แก่การเจริญปฏิภาคนิมิต คือ To
‘put them through their paces’ means to change them
ให้ขยายสิ่งที่ปรากฏมานั้นให้เป็นไปตามอำนาจ at will, through the power of
thought(patibhāga nimitta)-
แห่งจิต
คือ ทำให้เล็ก ให้โต ให้ใกล้ ให้ไกล making
them small, large, sending them far away,
ให้เกิด
ให้ดับ ให้มีข้างนอกข้างในก็ได้ สิ่งเหล่านี้ bringing them up close, making them
appear and disappear,
จึงจะเป็นประโยชน์ในการทำจิต
ถ้าคล่องแคล่ว sending
them outside, bringing them inside. Only then will
ชำนาญในนิมิตนี้
ก็จะกลายเป็นวิชา เช่น ตาทิพย์ you
be able to use them in training the mind. Once you have
เห็นรูปโดยไม่ต้องลืมตา
หูทิพย์ ฟังเสียงไกลได้ mastered
these signs, they will give rise to various abilities:
จมูกทิพย์
ดมกลิ่นไกลได้ ลิ้นทิพย์ ดื่มรสของธาตุ the ability to see without opening your
eyes, the ability to
ต่างๆ
ซึ่งอยู่ในอากาศธาตุ อันนี้เป็นประโยชน์ hear sounds at great distances; the ability to
smell distant
แก่ร่างกาย
สามารถป้องกันความหิว ความอยาก aromas;
the ability to taste the various elements that exist
ได้
สัมผัสอันเป็นทิพย์ก็จะเกิดขึ้นในทางกาย เช่น in the air and can be of use in overcoming feelings of
เราต้องการความเย็นก็จะเย็นขึ้น
ต้องการความร้อน hunger
and desire; the ability to give rise to certain feeling
ก็จะร้อนขึ้น
ต้องการความอุ่นก็จะปรากฏขึ้น ต้อง at
will—to feel cool when you want to feel cool, hot when
การความเข้มแข็งของร่างกาย
ก็จะขึ้น เพราะธาตุ you
want to hot, warm when you want to fee warm, strong
ทั้งหลายที่จะให้ประโยชน์แก่ร่างกาย
ซึ่งมีอยู่ when
you need strength—because the various elements in
ในโลกก็จะแล่นเข้ามาปรากฏในกายเรา the world that can be
physically useful to you will come
and appear in your body.
ดวงใจก็จะเป็นทิพย์และมีอำนาจสามารถจะทำให้ As for the mind, you will be able to give rise to the
eye
เกิดญาณจักขุ
เช่น ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ of
intuition( ñāṇa-cakkhu): the ability to remember previous
ระลึกชาติได้
จุตูปปาตญาณ รู้จักความเกิดตายของ lives
(pubbenivāsānussati-ñāṇa), the ability to know where
สัตว์ว่ามาอย่างไรไปอย่างไร
อาจทราบได้ living
beings are reborn after they die.(cutūpapāta-ñāṇa),
อาสวขยญาณ
ความรู้เป็นเหตุที่จะฟอกอาสวะ the
ability to cleanse the heart of the fermentations of
กิเลสให้สิ้นไป
ถ้าเราเป็นผู้มีสติปัญญา ย่อมรับ defilement(
āsavakkhaya-ñāṇa). If you have your wits
about
แขกมาทำงานในบ้านของเราได้เป็นอย่างดี you, you can receive these visitors and put
them to work
in your home.
นี่เป็นส่วนปลีกย่อยในการปฏิบัติอานาปานสติ These are a few of the incidentals of breath
meditation.
โดยย่อ If
you come across them in your practice, you should
ฉะนั้น
สิ่งทั้งหลายที่กล่าวมาให้ทบทวนดูให้ดี examine them thoroughly. Don’t be please by what
appears;
อย่าพึ่งยินดีในสิ่งทีปรากฏ
อย่าพึ่งยินร้ายหรือ don’t
be upset by or try to deny what appears.
ปฏิเสธในสิ่งทีปรากฏ
ควรตั้งจิตเป็นกลาง ทบทวน Keep
your mind on an even keel. Stay neutral.
ดูให้รอบคอบละเอียดลออเสียก่อนว่าเป็นของควร Be circumspect.
เชื่อถือได้หรือไม่
มิฉะนั้นจะเป็นเหตุให้สำคัญผิด
Consider carefully whatever appears,
ไปก็มี
ดี ชั่ว ถูก ผิด สูง ต่ำ ทั้งหมด มันสำคัญอยู่ที่ to see whether or not it’s trustworthy.
ดวงจิตของเราฉลาดหรือโง่
รู้จักพลิกแพลงดัดแปลง
Otherwise, it might lead you to mistaken assumptions.
แก้ไข
เมื่อดวงจิตของเราเป็นผู้โง่อยู่แล้ว แม้ของสูง Good and evil, right and wrong, noble and
อาจจะกลายเป็นของต่ำ
ของดีอาจจะกลายเป็นของ base—all
depend on whether your heart is shrewd or dull,
ชั่ว and
on how resourceful you are.
ถ้าหากเราได้รู้เรื่องราวต่างๆ
ของลมและส่วนปลีกย่อย If
you know the various aspects of the breath and its
ของลมก็จะได้รู้ในอริยสัจจธรรม นอกจากนั้นยัง incidentals, you can gain knowledge of
the four
เป็นหนทางบรรเทาทุกข์ของร่างกายได้อย่างดีอีก Noble Truths. In addition, you can also
relieve physical
ตัวสติเป็นตัวยาลม
อานาปาฯ เป็นกระสาย เมื่อสติ pains
as they arise in your body. Mindfulness is the active
เข้าไปฟอกแล้วย่อมบริสุทธิ์
ลมที่บริสุทธิ์จะส่งไป ingredient
in the medicine; the in-and-out breath is the solvent.
ฟอกโลหิตต่างๆ
ในร่างกายให้สะอาด เมื่อโลหิต Mindfulness
can cleanse and purify the breath; a pure
สะอาดแล้วก็จะเป็นเหตุบรรเทาโรคภัยต่างๆ
ในตัว breath can cleanse the blood
throughout the body; and when
ได้
ถ้าเป็นผู้มีโรคเส้นประสาทประจำอยู่แล้วก็จะหาย the blood is cleansed, it can relieve various diseases and
ได้อย่างดีทีเดียว disorders
in the body. If, for example, you suffer from
นอกจากนี้
ก็ยังสามารถจะสร้างความเข้มแข็งของ nervous
disorders, they will disappear. In addition, you
ร่างกายให้ได้รับความสุขยิ่งขึ้น
เมื่อร่างกายได้รับ be
able to strengthen the body, so that you feel a greater
ความสุข
จิตใจก็สงบได้อย่างดี เมื่อจิตสงบได้เช่นนั้น sense of health and well-being. When the body feels well,
ย่อมเกิดกำลัง สามารถทีจะระงับเวทนา จิตย่อมสงบ the mind can settle down and rest; and once the mind is
ปราศจากนิวรณ์ได้อย่างดี
กายก็มีกำลัง ใจก็มีกำลัง rested,
you gain strength: the ability to relieve all feelings
เรียกวา
“ สมาธิพลัง” of pain while sitting in
meditation, so that you can go on
sitting for hours. When
the body is free from pain, the mind
is free from
hindrances(nivarana). Body and mind are both
strong. This is called
samadhi balam—the strengh of
concentration.
เมื่อสมาธิมีกำลังเช่นนั้นแล้ว When your concentration
has strength in this way, it is
ย่อมเกิดปัญญา
สามารถจะแลเห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ bound
to give rise to discernment: the ability to see stress,
มรรค
แจ้งประจักษ์ขึ้นในลมหายใจของตัวทีมีอยู่ทุก its cause, its disbanding and the |Path to its disbanding,
คน
ถ้าจะอธิบายก็ได้ความอย่างนี้ คือ all clearly within the breath. This can be
explained as
follows:
๑
ลมหายใจเข้าออกเป็นทุกขสัจจ ลมเข้าเป็นชาติทุกข์ the in-and-out breath is stress—the in-breath the stress
ลมออกเป็นมรณทุกข์ arising,
the out –breath the stress of passing away.
๒
ไม่รู้จักลมเข้าลมออก รู้ลักษณะของลม เป็นสมุทัยสัจ Not being aware of the breath as it goes in and out,
not knowing the characteristics of the breath: This is
the
cause of stress.
๓ (๑)
ลมออกรู้ว่าออก ลมเข้ารู้ว่าเข้า รู้ลักษณะของลมโดย Knowing when the breath is coming in, knowing when
ชัดเจนเป็นสัมมาทิฏฐิองค์อริยมรรค
คือ มีความเห็น it
is going out, knowing its characteristics clearly--
ถุกต้องตามความเป็นจริงของลมหายใจ
i.e.
keeping your views in line with the truth of the breath:
This is Right View, part
of the Noble Path.
(๒)หายใจแบบใดไม่สบายก็รู้
และรู้จักวิธีแต่งลมหาย Knowing
which ways of breathing are uncomfortable,
ใจของตัวว่าแบบนี้ไม่สบาย
เราจะต้องหายใจแบบนี้ knowing
how to vary the breath; knowing,’ That way of
จึงจะเป็นทีสบาย
นี้เรียกว่าสัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ breathing
is uncomfortable; we’ll have to breathe like this
in order to feel at
ease’: This is Right Intention.
(๓)จิตสังขารที่นึกคิดวิตกวิจารณ์ในกองลมทั้งปวง The mental factors which think about and properly
อยู่โดยรอบ
ชื่อว่า สัมมาวาจา วาจาชอบ evaluate
all aspects of the breath: These are Right
Speech.
(๔)รู้จักวิธีปรับปรุงลมหายใจของตนโดยวิธีการต่างๆ
Knowing various ways of improving
the breath; breathing,
เช่น หายใจเข้ายาวออกยาว
หายใจเข้าสั้นออกสั้น for
example, in long and out long, in short and out short,
หายใจเข้าสั้นออกยาว
หายใจเข้ายาวออกสั้น in
short and out long, in long and out short, in long and out
จนไปถูกลมอันเป็นที่สบายแห่งตน
ดังนี้ชื่อว่า short,
until you come across the breath which is most
สัมมากัมมันตะ
การงานชอบ comfortable
for you: this is Right Undertaking.
(๕)รู้จักทำลมหายใจฟอกโลหิตในร่างกาย
ให้สะอาด Knowing how
to use the breath to purify the blood,
บริสุทธิ์แล้วส่งไปหล่อเลี้ยงหทัยวัตถุ
รู้จักแต่งลม how
to let this purified blood nourish the heart muscles,
ให้เป็นที่สบายของร่างกาย
รู้จักประกอบลมให้เป็น how
to adjust the breath so that it eases the body and
ที่สบายแห่งดวงจิต
หายใจเข้าไปอิ่มกาย อิ่มจิต soothes
the mind, bow to breathe so that you feel full and
นี้เรียกว่า
สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ refreshed
in body and mind: This is Right Livelihood.
(๖)
รู้จักพยายามเปลี่ยนลมหายใจของตนจนเป็นที่ Trying to adjust the breath until it comforts
สบายกาย
สบายจิต ถ้ายังไม่ได้รับความสบาย the
body and mind,
เกิดขึ้นในตัว
ก็พากเพียรพยายามอยู่เรื่อยไป อยู่ and
to keep trying as long as you aren’t fully at ease:
อย่างนั้น
นี่เรียกว่าสัมมาวายามะ เพียรชอบ This
is Right Effort.
(๗)
รู้ลมหายใจเข้าออกทุกขณะเวลา และรู้กองลม Being mindful of the in-and-out breath at all times,
knowing
ต่างๆ
ที่มีอยู่ในร่างกาย เช่น ลมพัดขึ้นเบื้องบน the various aspects of the breath—the up-flowing
breath,
ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมพัดในท้อง ลมพัดในลำไส้ the down-flowing breath, the breath in
the stomach, the breath
ลมพัดไปชิ้นเนื้อซาบซ่านไปทั่วทุกขุมขน
มีสติ intestines,
the breath flowing along the muscles and out to
สัมปชัญญะตามรู้อยู่ทุกขณะลมหายใจเข้าออกนี้ every pore—keeping track of these
things with every in-and-
เรียกว่า
สัมมาสติ ระลึกชอบ out
breath: This is Right Reference.
(๘)
ดวงจิตสงบอยู่ในเรื่องลมอย่างเดียว ไม่ไปเหนียว A mind intent only on matters of the breath, not pulling any
เอาอารมณ์อย่างอื่นเข้ามาแทรกแซง
ทำไปจนลม other
objects in to interfere, until the breath is refined, giving
ละเอียด
เป็นอัปปนาฌาน จนกว่าจะเกิดวิปัสสนาญาณ rise to fixed absorption and then liberating insight:
ขึ้นในที่นั้นเรียกว่า
สัมมาสมาธิ This
is Right Cencentration.
๑
นึกถึงลมเรียกว่า วิตก To
think of the breath is termed vitakka.
๒
กระจายลมขยายลม เรียกว่าวิจารณ์ To
adjust the breath and let it spread is called vicara.
๓
ลมได้รับความสะดวกทั่วถึงแล้วก็อิ่มกาย อิ่มจิต When all aspects of the breath course freely throughout
เรียกวา
ปีติ the
body, you feel full and refreshed in body and mind:
This
is called piti.
๔กายไม่กระวนกระวาย
ใจไม่กระสับกระส่าย Body
and mind are both at rest, giving rise to a sense of
ก็เกิดสุข pleasure
and ease: this is termed sukkha.
๕เมื่อได้รับความสุขแล้วจิตย่อมไม่สายไปสู่อารมณ์อื่น And once you obtain pleasure, the mind is bound to hold
ย่อมแนบสนิทอยู่กับอารมณ์เดียว
เรียกว่า fast
to a single pre-occupation, and not to go straying after
เอกัคคตารมณ์
คือสัมมาสมาธิ ตั้งใจ(มั่น)ไว้ชอบ any
other: this is called ekaggatārammaṇa.
นี้เรียกว่าสัมมาสมาธิเบื้องต้น
ในองค์อริยมรรค These
five factors form the beginning stage of
Right
Concentration.
มรรคสัจที่กล่าวมาคือ
ศีล สมาธิ ปัญญา เข้า When
all of these aspects of the Noble Path—i.e. virtue,
สันนิบาตในดวงจิตได้แล้วโดยสมบูรณ์
ย่อมทำ concentration
and discernment—are brought together fully
ให้รู้แจ้งในกองลมทั้งปวงว่า
หายใจอย่างนี้เป็นเหตุ mature
within the heart, you gain insight into all aspects of
ให้เกิดกุศลจิต
หายใจอย่างนั้นเหตุให้เกิดอกุศลจิต the
breath, knowing that, ‘Breathing this way gives rise to
และไม่ติดอยู่ในกายสังขารคือลม
ไม่ติดอยู่ใน good
mental states; breathing that way gives rise to bad mental
วจีสังขาร
ไม่ติดอยู่ในจิตสังขาร ทั้งฝ่ายดี และ states.’ You aren’t caught up with the
factors—i.e. the breath
ฝ่ายชั่ว
ปล่อยวางไปตามสภาพแห่งความเป็นจริง in
all its aspects—that fashion the body, the factors that
นี้เรียกว่า
นิโรธสัจ fashion
speech, the factors that fashion the mind, whether
for good or for ill. You
let them be in line with the way
they inherently are: This
is the disbanding of stress.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น