โคตมีสูตร
เริ่มโคตรมีสูตร
สัพพะโส สุทธะสันตาโน พระโลกนาถผู้มีสันดานอันหมดจดโดยประการทั้งปวง
สัพพะธัมเมนะ ปาระคู ถึงซึ่งฝั่งแห่งธรรมทั้งมวล
ธัมมัญจะ วินะยัง สัตถุ ทรงแสดงธรรมวินัย
สาสะนัง สัมปะทีปะยัง ที่เป็นสัตถุสาสนาแล้ว
ยัง โส นาโถ สะเมเรสิ ทรงแสดงพระสูตร
ธัมมาธัมมะวินิจฉะยัง สำหรับวินิจฉัยธรรม และอธรรมใดไว้
สาธูนัง เนตติภาวัตถัง เพื่อเป็นแบบสำหรับสาธุชน
ตัง สุตตันตัง ภะณาม เสฯ เราทั้งหลาย จงสวดพระสูตรนั้น เทอญ.
โคตมีสูตร
เอวัมเม สุตัง อันข้าพเจ้า ( พระอานนทเถระ)สดับมาแล้วอย่างนี้
เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า
เวสาลิยัง วิหะระติ มหาวะเน เสด็จประทับอยุ่ในกูฏาคารศาลา ในป่ามหาวัน
กูฏาคาระสาลายัง ไกล้เมืองเวสาลี
อะถะ โข มหาปะชาปะตี โคตะมี ครั้งนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมี
เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
อุปะสังกะมิตฺวา ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว
ภะคะวันตัง อะภิวาเทตฺวา ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า
เอกะมันตัง อัฏฐาสิ ได้ยืนแล้ว ณ ส่วนข้างหนึ่ง
เอกะมันตัง ฐิตา โข พระนางมหาปชาบดีโคตมียืนแล้ว
มะหาปะชาปตี โคตะมี ณ ส่วนข้างหนึ่งแล
ภะคะวันตัง เอตะทะโวจะ ได้กราบทูลคำนี้ กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
สาธุ เม ภันเต ภะคะวา ดีแล้ว พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ได้สดับธรรมใด
สังขิตเตนะ ธัมมัง เทเสตุ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พึงเป็นผู้ๆ เดียวหลีกออกแล้ว
ยะมะหัง ภะคะวะโต ธัมมัง สุตฺวา เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่
เอกา วูปะกัฏฐาน อัปปะมัตตา ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธรรมนั้น
อาตาปินี ปะหิตัตตา วิหะเรยยันติ แก่ข้าพระองค์โดยย่อเถิด ดังนี้
เย โข ตะวัง โคตะมิ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพระนางโคตรมี
ธัมเม ชาเนยยาสิ ท่านพึงรู้ธรรมเหล่านี้แล
อิเม ธัมมา สะราคายะ สังวัตตันติ ว่าธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความกำหนัดย้อมใจ
โน วิราคายะ หาเป็นไปเพื่อคลายความกำหนัดไม่
สังโยคายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์
โน วิสังโยคายะ หาเป็นไปเพื่อปราศจากทุกข์ไม่
อาจะยายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อสะสมกองกิเลส
โน อัปปะจะยายะ หาเป็นไปเพื่อความไม่สั่งสมกองกิเลสไม่
มะหิจฉะตายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความอยากใหญ่
โน อัปปิจฉะตายะ หาเป็นไปเพื่อความอยากอันน้อยไม่
อะสันตุฏฐิยา สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ
โน อะสันตุฏฐิยา หาเป็นไปเพื่อความสันโดษไม่
สังคะณิกายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ
โน ปะวิเวกายะ หาเป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะไม่
โกสัชชายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้ เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
โน วิริยารัมภายะ หาเป็นไปเพื่อปรารภความพียรไม่
ทุพภะระตายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก
โน สุภะระตายาติ หาเป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่ายไม่
เอกัง เสนะ โคตะมี ธาเรยยาสิ ดูก่อนพระนางโคตรมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนเดียว
เนโส ธัมโม เนโส วินะโย ว่านี่ไม่ใช่ธรรม นี้ไม่ใช่วินัย
เนตัง สัตถุสาสะนันติ นี่ไม่ใช่สัตถุศาสนา
เย จะ โจ ตะวัง โคตะมิ ธัมเม ชาเนยยาสิ ดูก่อนพระนางโคตรมี ก็ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดแล
อิเม ธัมมา วิราคายะ สังวัตตันติ ว่าธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
โน สะราคายะ หาเป็นไปเพื่อความกำหนัดไม่
วิสังโยคายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อปราศจากความประกอบทุกข์
โน สังโยคายะ หาเป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์ไม่
อะปะจะยายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกองกิเลส
โน อาจะยายะ หาเป็นไปเพื่อสั่งสมกองกิเลสไม่
อัปปิจฉะตายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความอยากอันน้อย
โน มะหิจฉะตายะ หาเป็นไปเพื่อความอยากอันใหญ่ไม่
สันตุฏฐิยา สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความสันโดษ
โน อะสันตุฏฐิยา หาเป็นไปเพื่อความไม่สันโดษไม่
ปะวิเวกายะ สังวัตตันติ ธรรมทั้งหลายเหล่านี้เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
โน สังคะณิกายะ หาเป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะไม่
วิริยารัมภายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความปรารภความเพียร
โน โกสัชชายะ หาเป็นไปเพื่อความเกียจคร้านไม่
สุภะระตายะ สังวัตตันติ ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย
โน ทุพภะระตายาติ หาเป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยากไม่
เอกังเสนะ โคตะมิ ธาเรยยาสิ ดูก่อนพระนางโคตมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนเดียว
เอโส ธัมโม เอโส วินะโย ว่านี่เป็นธรรม นี่เป็นวินัย
เอตัง สัตถุสาสะนันติ นี่เป็นสัตถุศาสนา
อิทะมะโวจะ ภะคะวา พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระสูตรนี้จบลง
อัตตะมะนา มหาปะชาปติ โคตะมี พระนางมหาปชาบดีโคตรมี ก็มีใจยินดี
ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทีตี เพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วแล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น