วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ธัมมคารวะตาทิคาถา


ธัมมคารวะตาทิคาถา
เย จะ อตีตา สัมพัทธา                                      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าใดที่ล่วงแล้วด้วย
เย จะ พุทธา อนาคะตา                                                พระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่าใดที่ยังไม่มาถึงด้วย
โย เจตะระหิ สัมพุทโธ                                     พระสัมพุทธเจ้าใดผู้ยังความโศกของคนเป็นอัน
พะหุนนัง  โสกะนาสะโน                                 มากให้พินาศไป มีอยู่ในเดียวนี้ด้วย
สัพเพ สัทธัมมะคะรุโน                                    พระพุทธเจ้าเหล่านั้น ล้วนทรงเคารพในพระสัทธรรม
วิหะริงสุ วิหาติ จะ                                           มีมาแล้ว และมีอยู่ด้วย
อะถาปิ วิหะริสสันติ                                         จักมีต่อไปอีกด้วย
เอสา พุทธานะ ธัมมะตา                                   ข้อนี้เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ตัสมา หิ อัตตะกาเมนะ                         เพราะเหตุนั้นแล บุคคลผู้ใคร่ต่อประโบชน์ตน
มะหัตถะมะภิกังขะตา                                      จำนงความเป็นใหญ่
สัทธัมโม คะรุกาตัพโพ                                     เมื่อระลึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
สะรัง พุทธานะ สาสะนัง                                  พึงทำความเคารพในพระสัทธรรม
ทุททะทัง ทะทะมานานัง                                 เมื่อสัตบุรุษทั้งหลาย ให้สิ่งที่บุคคลให้โดยยา
ทุกกะรัง กัมมะกุพพะตัง                                  กระทำกรรมที่บุคคลกระทำได้โดยยากอยู่
อะสันโต นานุกุพพันติ                                     อสัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมทำตามไม่ได้
สะตัง ธัมโม ทุรันวะโย                                     ธรรมของสัตบุรุษทั้งหลายอันอสัตบุรุษเอาอย่างได้ยาก
ตัสมา สะตัญจะ อะสะตัญจะ                            เพราะเหตุนั้น ความไปจากโลกนี้ของสัตบุรุษ
นานา โหติ อิโต คะติ                                        ทั้งหลายย่อมเป็นต่างกัน
อะสันโต นิระยัง ยันติ                                      อสัตบุรุษทั้งหลายย่อมไปนรก
สันโต สัคคะปะรายะนา                                   สัตบุรุษทั้งหลายไปสวรรค์
นะ หิ ธัมโม อะธัมโม จะ                                   ธรรมและอธรรม ๒ อย่างนี้
อุโภ สะมะวิปากิโน                                           มีผลเสมอกัน หามิได้เลย
อธัมโม นิระยัง เนติ                                          อธรรมย่อมนำไปนรก
ธัมโม ปาเปติ สัคคะติง                                     ธรรมย่อมให้ถึงสุคติ
ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง                        ธรรมแล ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเป็นปกติ
ธัมโม สุจิณโณ สุขะมาวะหาติ                          ธรรมอันบุคคลประพฤติดีแล้วย่อมนำสุขมาให้
เอสานิสังโส ธัมเม สุจิณเณ                               ข้อนี้เป็นอานิสงส์ในพระธรรมอันบุคคลประพฤติ
นะ ทุคคะติง คัจฉะติ ธัมมะจารี                       ดีแล้วผู้ประพฤติธรรมเป็นปกติ ย่อมไม่ไปสู่ทุคติ
นะ ปุปผะคันโธ ปะฏิวาตะเมติ                                    กลี่นดอกไม้ย่อมทวนลมไม่ได้
นะ จันทะนัง ตะคะระมัลลิกา วา                      กลิ่นจันทน์หรือกฤษณาและกะลำพัก
สะตัญจะ คันโธ ปะฏิวาตะเมติ                         ส่วนว่ากลีนชองสัตบุรุษทั้งหลายย่อมไปทวนลมได้
สัพพา ทิสา สัปปุริโส ปะวายะติ                      เพราะสัตบุรุษย่อมฟุ้งเฟื่องไปได้ทุกทิศ
จันทะนัง ตะคะรัง วาปิ                                    กลิ่นคือศีล เป็นเยี่ยมกว่ากลี่นแห่งคันธชาติ
อุปปะลัง อะถะ วัสสิกี                                      ทั้งหลายเหล่านั้น
เอเตสัง คันธชาตานัง                                       คือ จันทน์ กฤษณา
สีละคันโธ อะนุตตะโร                                      ดอกบัว และมลิเครือ               
อัปปะมัตโต อะยัง คันโธ                                  กลิ่นกฤษณาและจันทน์นี้ใด
ยะวายัง ตะคะระจันทะนิ                                 กลิ่นนี้มีประมาณน้อย
โย จะ สีละวะตัง คันโธ                                     ส่วนว่ากลิ่นของผู้มีศีลทั้งหลายอันใด
วาติ เทเวสุ อุตตะโม                                         กลิ่นอันนั้นสูงสุดฟุ้งไปในเทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เตสัง สัมปันนะสีลานัง                                     มารย่อมไม่ประสบทางของท่านทั้งหลาย
ผู้มีศีลถึงพร้อมแล้ว
อัปปะมาทะวิหารินัง                                        ผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท
สัมมะทัญญา วิมุตตานัง                                  ผู้รู้ชอบ
มาโร มัคคัง นะ วินทะติ                                   พ้นแล้ว
ยะถา สังการานัสมิง                                         ดอกบัวมีกลี่นดี
อุชฌิตัสมิง มะหาปะเถ                                                พึงเกิดในกองแห่งหยากเยื่อ
ปะทุมัง ตัตถะ ชาเยถะ                                     อันเขาทิ้งแล้ว ไกล้ทางใหญ่นั้น
สุจิคันธัง มะโนระมัง                                        ยังเป็นที่ชอบใจ  ฉันใด
เอวัง สังการะภูเตสุ                                           พระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า(แม้เกิด)ใน
อันธะภูเต ปุถุชชะเน                                        หมู่ชนผู้เป็นดังหยากเยื่อย่อมรุ่งเรืองล่วงปุถุชน
อะติโรจะติ ปัญญายะ                                       ทั้งหลาย ทีเป็นผู้มืดด้วยปัญญา
สัมมาสัมพุทธะสาวะโกติ                                 ฉันนั้นนั่นแล

ไม่มีความคิดเห็น: