วิธีการกำหนดรู้ลม Focusing
the breath
ปล่อยลมตามสบาย
ทำใจให้นิ่ง ๆ ไว้ที่ลมหายใจ Let
the breath be relaxed and natural. Keep your mind
เข้าออกที่มีในช่องจมูก
เมื่อลมออก อย่าส่งจิต perfectly
still, focused on the breath as it comes in and out
ออกตามลม เมื่อลมเข้า อย่าส่งจิตเข้าตามลม of the nostrils: When the breath goes out,
don’t send the
ทำความรู้สึกอย่างกว้างขวางเบิกบาน
แต่อย่า mind
out after it. When the breath comes in, don’t let
สะกดจิตให้มากเกินไป
ให้ทำใจสบายๆ the
mind follow it in. Let your awareness be broad and open.
เหมือนเราหายใจออกไปในอากาศโปร่งฉะนั้น Don’t force the mind too much. Relax. Pretend that you
are
ทำจิตให้นิ่งอยู่เหมือนเสาที่ปักไว้ริมฝั่งทะเล breathing out in the wide open air. Keep the
mind still, like
น้ำทะเลขึ้น
เสาก็ไม่ขึ้นตาม น้ำทะเลลง เสาก็ a
post at the edge of the sea: When the water rises, the post
ไม่ลงตาม
doesn’t
rise with it; when the water ebbs, the post doesn’t
Sink.
หยุดคำภาวนา Stop
thinking’buddho’
เมื่อทำจิตนิ่งสงบได้ในขั้นนี้แล้วให้หยุดคำภาวนา When you have reached this level of stillness, you can
พุทโธ
นั้นเสีย กำหนดความรู้สึกไว้เฉพาะลมหายใจ stop thinking ‘ buddho’. Simply be aware of the feeling of
the breath.
แล้วค่อยขยับจิตเลื่อนเข้าไปตามกองลม
คือ กองลม Then slowly
bring your mind inward, focusing it on the
สำคัญๆ
อันจะทำให้เกิดความรู้สึกต่างๆเช่น ทิพพจักขุ various parts of the breath—i.e. the important parts that
ตาทิพย์,ทิพพโสต
หูทิพย์ฐ, เจโตปริยญาณ รู้ใจ that
can give rise to intuitive of various kind: e.g.
คนอื่น,
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้, dibbacakkhu,
clairvoyance; dibbasota, clairaudience;
จุตูปปาตญาณ
รู้จักความเกิดตายแห่งสัตว์ต่างๆ , cetopariya-ñāṇa, the
ability to know the minds of
นานาธาตุวิชชา
วิชาความรู้ในเรืองของธาตุต่างๆ others;
pubenivāsānussati-ñāṇa, the ability to remember
ที่เกี่ยวเนื่องถึงอัตภาพร่างกาย
อันจะเป็นประโยชน์ previous
lives; cutūpapāta-ñṣāṇa, the ability to know
where
แก่ร่างกาย different
people and animals are reborn after death;
nānādhātu-vijjā, knowledge of the various
elements or
Potentials
that are connected with, and can be of use to,
the
body.
ประสานกองลม Mix
the Breath.
ธาตุเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นจากฐานของลมหายใจ These elements arise out of the bases of the
breath.
ฐานที่ ๑ The
first Base.
ให้ตั้งจิตไว้ที่จมูก
แล้วค่อยเลื่อนไปกลางหน้าผาก Center
the mind on the tip of the nose, and
then
อันเป็นฐานที่
๒ slowly
move it to the middle of the forehead,
ฐานที่ ๒ The
second Base.
ทำความรู้สึกอย่างกว้างขวาง
ทำจิตให้นิ่งไว้ที่หน้าผาก Keep
your awareness broad. Let the mind rest for
แล้วกลับมาที่จมูก
ให้เพ่งขึ้นลงในระหว่างจมูกกับ a
moment at the forehead, and then bring it back to
หน้าผาก
รายกับคนขึ้นภูเขาฉะนั้น ทำให้ได้สัก ๗ เที่ยว the nose. Keep moving it back and forth between
แล้วก็นิ่งไว้ที่หน้าผาก
อย่าให้จิตลงมาที่จมูกอีก ต่อนั้น the
nose and the forehead- like a person climbing up
ให้ตามเข้าไปในฐานที่
๓ and
down a mountain—seven times. Then let it settle at
the
forehead. Don’t let it go back to the nose. From here
let
it move to The Third Base.
ฐานที่ ๓ The
Third Base.
ฐานที่
๓ คือกลางกระหม่อมข้างนอก แล้วหยุดอยู่กลาง The third bas is the middle of the top of the head, and
กระหม่อม
ทำความรู้สึกอย่างกว้างขวาง สูดลมใน let
it settle there for a moment. Keep your awareness
อากาศเข้าไปในศีรษะ
กระจายลมครู่หนึ่ง จึงกลับ broad.
Inhale the breath at that spot, let the breath spread
ลงมาที่หน้าผาก
กลับไป กลับมา ในระหว่างหน้าผาก throughout
the head for a moment. Keep your awareness
กับกลางกระหม่อมอยู่เช่นนี้
สัก ๑๐ เที่ยว แล้วก็นิ่ง broad.
Inhale the heath at that spot, let the breath spread
อยู่กลางกระหม่อม throughout
the head for a moment, and then return the mind
to
the middle of the forehead. Move the mind back and forth
between
the forehead and the top of the head seven times.
Finally
letting it rest on the top of the head. Then bring it
into
the Fourth Base.
ฐานที่ ๔ The
Fourth Base.
ตามเข้าไปในฐานที่
๔ อีกคือ ลงไปในสมองกลาง The
fourth base is the middle of the brain. Let it be still
กะโหลกศีรษะ
ให้นิ่งอยู่สักครู่หนึ่ง จึงเลื่อนจิตให้ for a moment, and then bring it back out to the top of
the
ออกไปที่กลางกระหม่อมข้างนอก
กลับไป กลับมา head.
Keep moving it back and forth between these two
ติดต่อกันระหว่างกลางกระสมองกับกลางกระหม่อม spots, finally letting it settle in the middle of the brain.
ข้างนอก
แล้วก็นิ่งอยู่ที่สมอง ทำความรู้สึกให้ Keep your awareness broad.
กว้างขวาง
กระจายลมอันละเอียดจากสมองให้ลง Let
the refined breath in the brain spread to
ไปเบื้องต่ำ
the
lower parts of the body.
เมื่อทำจิตมาถึงตอนนี้แล้ว
บางทีก็จะเกิด When you reach this point you may find that the
breath
นิมิตขึ้นเป็นต้นว่า
รู้สึกขึ้นในศีรษะ แลเห็นหรือ starts
giving rise to various signs (nimitta) – e.g.seeing
รู้สึกเสียวๆ
ให้เย็นๆ ร้อนๆ ให้เป็นไอเป็นหมอก or
feeling hot, cold or tingling sensations in the head.
สลัวๆ
ขึ้น บางทีก็มองเห็นกะโหลกศีรษะของ You
may see a pale, murky vapor, or your own skull.
ตัวเอง
ถึงอย่างนั้นก็อย่าได้มีความหวั่นไหวไปตาม Even so, don’t let yourself be affected by whatever
นิมิตที่ปรากฏ nimitta
appears.
ถ้าเราไม่ปรารถนาทีจะให้เป็นเช่นนั้น
ก็จะสูดลม If
you don’t want the nimitta to appear, breathe deep
เข้าไปยาวๆ
ถึงหัวอก นิมิตเหล่านั้นก็จะหายไป and
long, down into the heart, and it will immediately
ทันที go
away.
เมื่อเห็นนิมิตอันใดอันหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว When you see that a
nimitta has arisen, mindfully
ให้ตั้งสติรู้อยู่ทีนิมิต
แต่ให้เอานิมิตเดียว สุดแท้แต่ focus
your awareness on it—but be sure to
focus on only
นิมิตอันใดเป็นทีสบาย
เมื่อจับนิมิตได้แล้วให้ one
nimitta at a time, choosing whichever one is most
ขยายนิมิตนั้นออกไปให้โตเท่าศีรษะ
นิมิตที่ comfortable.
Once you have got hold of it, expand it
ขาวสว่างนั้นมีประโยชน์แก่กาย
แก่ใจ คือ so
that it is as large as you head. The bright white nimitta
เป็นลมบริสุทธิ์สะอาด
ลมบริสุทธิ์สะอาดนี้ is
useful to the body and mind: It is a pure breath which
ย่อมเป็นเครื่องฟอกโลหิตในร่างกายท่านได้ can cleanse the blood in the body,
อย่างดี
สามารถจะบรรเทาหรือกำจัดทุกขเวทนา
reducing or eliminating
ในร่างกายได้
feelings of pain.
เมื่อทำได้เท่าศีรษะของตนแล้ว
ให้เลื่อนลงไปตั้ง When
you have this nimitta as large as the head,
ไว้ในฐานที่
๕ bring
it down to the Fifth Base.
ฐานที่ ๕ The
Fifth Base.
เมื่อวางไว้ในฐานที่
๕ คือทรวงอกแล้ว ให้นึก When
setting it at the Fifth Base: the center of the chest.
เอานิมิตแห่งลมไปตั้งไว้
ขยายออกให้เต็มทรวงอก Once
it is firmly settled, let it spread out to fill the chest.
ทำลมอันนั้นให้ขาวสว่าง
กระจายลม กระจาย Make
this breath as white and as bright as
possible,
แสงสว่างไปทั่วทุกขุมขน
จนกว่าจะมองเห็น and
then let both the breath and the light spread
ส่วนต่างๆ
ของร่างกายปรากฏเป็นภาพขึ้นมาเอง throughout
the body, out to every pore, until different
ถ้าไม่ต้องการภาพอันนั้น
ก็ให้สุดลมหายใจยาวๆ parts
of the body appear on their own as pictures. If
เสีย
๒-๓ ครั้ง ภาพนั้นก็จะหายไปทันที you
don’t want the pictures, take two or three long brreaths,
and they will disappear.
แล้วทำให้จิตนิ่งอยู่โดยกว้างขวาง
แม้จะมีนิมิต Keep
your awareness still and expansive. Don’t let it
อะไรผ่านมาในรัศมีแห่งลม
อย่าเพิ่งไปจับเอา latch
onto or be affected by any nimitta that may happen
อย่าทำจิตให้หวั่นไหวไปตามนิมิต
ประคองจิต to
pass into the brightness of the breath. Keep careful
ไว้ให้ดี
ทำจิตให้เป็นหนึ่ง พยายามตั้งจิตไว้ watch
over the mind. Keep it one.
ในอารมณ์อันเดียว
คือ ลมหายใจอันละเอียด Keep
it intent on a single pre-occupation,
และขยายลมอันละเอียดนั้นให้กว้างขวางออก the refined breath, letting this refined
ไปทั่วสรรพางค์กาย breath
suffuse the entire body.
เมื่อทำจิตถึงตอนนี้
จะค่อยเกิดวิชาความรู้ขึ้น When
you have reach this point,
ตามลำดับ
กายของเราก็จะเบาเหมือนปุยนุ่น knowledge
will gradually begin to unfold.
ใจก็จะเอิบอิ่ม
นิ่มนวล วิเวกสงัด ได้รับ The
body will be light, like fluff. The mind
ความสุขกายสบายจิตเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อต้องการ
will be rested and refreshed –
วิชาความรู้ต่าง
ๆ ก็ทำจิตให้นิ่ง วางอารมณ์ supple,
solitary and self-contained.
ทั้งหมดให้เหลืออยู่แต่ความสว่างความว่าง There will be an extreme sense of
อย่างเดียว physical
pleasure and mental ease.
เมื่อประสงค์สิ่งใดในส่วนวิชาความรู้หรือ If you want to acquire knowledge and skill,
practice these
นิมิตเป็นภาพปรากฏขึ้นทันที
เรียกว่า steps
until you are adept at entering, leaving and staying
มโนภาพ
ถ้าจะให้ดีและชำนาญในสิ่งเหล่านี้ in
place. When you have mastered them, you will be able
ให้ศึกษากับท่านผู้เคยปฏิบัติในทางนี้จะดีมาก to give rise to the nimitta of the breath—the
brilliantly
เพราะวิชาตอนนี้
เป็นวิชาที่เกิดขึ้นจากสมาธิ white
ball or lump of light—whenever you want. When
อย่างเดียวเท่านั้น you
want knowledge, make the mind still, let go of all
pre-occupations, leaving
just the birhgtness. Think one or
two times of whatever you
want to know—of things internal
or external, concerning
yourself or others- and the knowledge
will arise, or a mental picture will appear. To become
thoroughly expert, you should if possible
study directly
with someone who has
practiced and is skilled in these
matters, because
knowledge of this sort can come only
from the practice of
centering the mind.
วิชาในเรื่องสมาธินั้นมีอยู่
๒ แผนก เป็นไป The
knowledge that comes from centering the mind
ด้วยกับโลกีย์อย่างหนึ่ง
เป็นไปกับด้วย falls
into two classes: mundance(lokiya) and transcendent
โลกุตรอย่างหนึ่ง
วิชาโลกีย์ คือ ติดความรู้ (lokuttatra).
To say that your knowledge is on the mundance
ความเห็นของตนเองนี้หนี่ง
ติดสิ่งทั้งหลาย level
means that you are attached to your knowledge and
ที่มาปรากฏให้เรารู้เราเห็นนี้อย่างหนึ่ง
วิชาก็ดี view
on the one hand, and to the things which appear
สิ่งที่ให้เรารู้เราเห็นด้วยอำนาจแห่งวิชาก็ดี and give rise to your knowledge on the other. Your
เป็นของจริงและของไม่จริงเจืออยู่ด้วยกันทั้งสิ้น knowledge and the things which give you
knowledge
แต่ของจริงในที่นี้เป็นส่วนสังขารธรรมทั้งสิ้น due to the power of your skill are composed of
true and
ขึ้นชื่อว่าสังขารแล้ว
ย่อมไม่เที่ยง ไม่มั่นคงถาวร false
intermixed- but the truth, here, is
truth simply on
the
level of mental fasioning; and whatever is fashioned is
by
nature changeable, unstable and inconstand.
ฉะนั้น
เมื่อต้องการโลกุตรต่อไป ให้รวมสิ่งที่เรารู้ So when you want to go on
to the transcendent level,
เราเห็นทั้งหมดเข้ามาเป็นจุดอันเดียวคือ
gather
all the things you know and see into a single point--
เอกัคคตารมณ์
ให้เห็นเป็นสภาพอันเดียวกันทั้งหมด i.e. ekaggatārammaṇa – and see that they are
all of the same
เอาวิชาความรู้ทั้งหลายเหล่านั้นให้มารวมอยู่ในจุด nature. Take all of your knowledge and awareness and
gather
อันนั้นจนรู้แจ้งเห็นจริงว่า
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น it
into the same point, until you can clearly see the truth:
แล้วย่อมดับไปเป็นธรรมดา
แล้วอย่ายึดถือในสิ่งที่รู้ that
all of these things, by their nature, simply arise and
ที่เห็นมาเป็นของๆ
ตน อย่ายึดความรู้ความเห็นที่เกิด all
away. Don’t try to latch onto the things you know -
จากตนมาเป็นของๆ
ตน ให้ปล่อยวางเสียตามสภาพ your
pre-occupations—as yours. Don’t try to latch onto
ถ้าไปยึดถืออารมณ์
ก็เท่ากับยึดทุกข์ ยึดความรู้ the
knowledge that has arisen from yourself as your own.
ของตนจะเกิดเป็นเหตุแห่งทุกข์คือ
สมุทัย Let
these things be, in line with their own inherent natures.
If
you latch on to your pre-occupations, you are latching on
to stress and pain. If
you hold on to your knowledge,
it will turn into the
cause of stress.
ฉะนั้น
จิตที่นิ่งสงบเป็นสมาธิแล้วเกิดวิชชา ๆ นั้น Thus: A mind which is centered and still gives rise to
เป็นมรรค
สิ่งทีเรารู้ต่างๆ ที่ผ่านมาเป็นทุกข์ จิตเราอย่า knowledge. This knowledge is the Path. All of the things
เข้าไปยึดเอาวิชชา
อย่าเข้าไปยึดเอาอารมณ์ที่มาแสดง which
come-passing by for us to know are stress. Don’t
ให้เรารู้
ล่อยวางไปตามสภาพ ทำจิตให้สบายๆ ไม่ยึด let the mind fasten onto its knowledge. Don’t let it fasten
จิต
ไม่สมมุติจิตของตนว่า เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ onto the pre-occupations which appear for you to
know.
ถ้ายังสมมุติตนเองอยู่ตราบใด
ก็เป็นอวิชชาอยู่ตราบนั้น Let
them be in line with their nature. Put your mind at ease.
เมื่อรู้ได้โดยอาการอย่างนี้
ก็จะกลายเป็นโลกุตรขึ้นในตน Don’t
fasten onto the mind, or suppose the mind to be this
จะเป็นบุญกุศลอย่างประเสริฐสูงสุดในฐานะที่เป็นมนุษย์ or that. As long as you suppose yourself, you are suffering
พุทธบริษัทของพระพุทธเจ้า from
obscured awareness(avijjā). When you can truly
know in this manner, the
transcendent will arise within
you—the noblest good, the
most exalted happiness
a human being can know.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น