วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พระสังคินี


 พระสังคินี
กุสะลา ธัมมา,                                                  ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล,ให้ผลเป็นความสุข
อะกุสะลา ธัมมา,                                              ธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศล,ให้เป็นเป็นความทุกข์
อัพะยากะตา ธัมมา,                                         ธรรมทั้งหลายที่เป็นอัพยากฤต,เป็นจิตกลางๆ อยู่,
กะตะเม ธัมมา กุสะลา                                      ธรรมเหล่าไหนเป็นกุศล
ยัสมิง สะมะเย,                                                 ในสมัยใด
กามาวะจะรง กุสะลัง จิตตัง อุปปันนัง โหติ     กามาวจรกุศลจิตที่ร่วมด้วยโสมนัส,
คือความยินดี, ประกอบ
โสมะนัสสะสะหะคะตัง ญาณะสัมปะยุตตัง,    ด้วยญาณคือปัญญาเกิดขึ้น ปรารภอารมณ์ใดๆ
รูปารัมมะนัง วา,                                              จะเป็นรุปารมณ์, คือยินดีในรูปเป็นอารมณ์ก็ดี
สัททารัมมะนัง วา,                                           จะเป็นสัททารมณ์,คือยืนดีในเสียงเป็นอารมณ์ก็ดี,
คันธารัมมะนัง วา,                                           จะเป็นคันธารมณ์, คือยืนดีในกลิ่นเป็นอารมณ์ก็ดี,
ระสารัมมะนัง วา,                                            จะเป็นรสารมณ์,คือยืนดีในรสเป็นอารมณ์ก็ดี,
โผฏฐัพพารัมมะนัง วา,                                    จะเป็นโผฏฐัพพารมณ์,คือยืนดีในสิ่งที่กระทบ
ถูกต้องกายเป็นอารมณ์ก็ดี
ธัมมารัมมะนัง วา,                                           จะเป็นธรรมารมณ์,คือยินดีในธรรมเป็นอารมณ์ก็ดี
ยัง ยัง วา ปะนะรัพภะ,                                     อันใด
ตัสฺมิง สะสะเย ผัสโส โหติ,                               ในสมัยนั้น ผัสสะ
อะวิกเขโป โหติ,                                               และความไม่ฟุ้งซ่านย่อมมี,
เย วา ปะนะ ตัสะสิง สะมะเย,                           อีกอย่างหนึ่งในสมัยนั้น ธรรมเหล่าใด,
อัญเญปิ อัตถิ ปะฏิจจะสะมุปปันตา                 แม้อื่นมีอยู่ เป็นธรรมที่ไมมีรูป,
อะรูปิโน ธัมมา,                                                อาศัยกันและกันเกิดขึ้น,
อิเม ธัมมา กุสะลา,                                            ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล,ให้ผลเป็นความสุข

ไม่มีความคิดเห็น: