วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555


อาทิตตปริยายสูตร
เอวัมเม สุตัง                                                     อันข้าพเจ้า(คือพระอานนทเถระ)ได้สดับมาแล้วอย่างนี้
เอกัง สะมะยัง ภะคะวา                                    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่
คะยายัง วิหะระติ คะยาสีเส                             ที่คยาสีสะ ไกล้แม่น้ำคยา
สัทธิง ภิกขุสะหัสเสนะ                                    กับด้วยพระภิกษุพันหนึ่ง
ตุตระ โข ภะคะวา                                            ในกาลนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเตือน
ภิกขู อามันเตสิ                                                 ภิกษุทั้งหลาย(ให้ตั้งใจสดับพุทธาภาษิตนี้)ว่า
สัพพัง ภิกขะเว อาทิตตัง                                 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน
กิญจะ ภิกขะเว สัพพัง อาทิตตัง                       ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าชื่อว่าเป็นของร้อน
.จักขุง ภิกขะเว อาทิตตัง                                ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุ(คือนัยน์ตา)เป็นของร้อน
รูปา อาทิตตา                                                   รูปทั้งหลายเป็นของร้อน
จักขุวิญญาณัง อาทิตตัง                                   วิญญาณอาศัยจักษุเป็นของร้อน
จักขุสัมผัสโส อาทิตโต                                     สัมผัสอาศัยจักษุเป็นของร้อน
ยัมปิทัง จักขุสัมผัสสะปัจจะยา                        ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัส
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       เป็นปัจจัย แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกขะมะสุขัง วา                                            ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัมปิ อาทิตตัง                                                  แม้อันนั้น ก็เป็นของร้อน
เกนะ อาทิตตัง                                                 ร้อนเพราะอะไร
อาทิตตัง ราคัคคินา                                          ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสัคคินา โมหัคคินา                                       เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตตัง ชาติยา ชรามะระเณนะ                      ร้อนเพราะความเกิดเพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ                                             เพราะความโศก เพราะความร่ำไรรำพัน
ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ                                        เพราะความทุกข์ เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ                                                       เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตตันติ วะทามิ                                           เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
.โสตัง อาทิตตัง                                             โสตะ(คือหู) เป็นของร้อน
สัททา อาทิตตา                                                            เสียงทั้งหลายเป็นของร้อน
โสตะวิญญาณัง อาทิตตัง                                 วิญญาณอาศัยโสตะ เป็นของร้อน
โสตะสัมผัสโส อาทิตโต                                   สัมผัสอาศัยโสตะเป็นของร้อน
ยัมปิทัง โสตะสัมผัสสะปัจจะยา                       ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะโสตสัมผัส
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       เป็นปัจจัย แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อะทุกขะมะสุขัง วา                                          ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัมปิ อาทิตตัง                                                  แม้อันนั้น ก็เป็นของร้อน
เกนะ อาทิตตัง                                                 ร้อนเพราะอะไร
อาทิตตัง ราคัคคินา                                          ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสัคคินา โมหัคคินา                                       เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตตัง ชาติยา                                               ร้อนเพราะความเกิด
ชรามะระเณนะ                                                เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ                                             เพราะความโศก และความร่ำไรรำพัน
ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ                                        เพราะความทุกข์ เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ                                                       เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตตันติ วะทามิ                                           เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
ชิวหา อาทิตตา                                          ชิวหา(คือลิ้น)เป็นของร้อน
ระสา อาทิตตา                                                 รสทั้งหลายเป็นของร้อน
ชิวหาวิญญาณัง อาทิตตัง                                วิญญาณอาศัยชิวหาเป็นของร้อน
ชิวหาสัมผัสโส อาทิตโต                                   สัมผัสอาสัยชิวหาเป็นของร้อน
ยัมปิทัง ชิวหาสัมผัสสะปัจจะยา                      ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะชิวหาสัมผัส
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       เป็นปัจจัย แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อะทุกขะมะสุขัง วา                                          ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัมปิ อาทิตตัง                                                  แม้อันนั้น ก็เป็นของร้อน
เกนะ อาทิตตัง                                                 ร้อนเพราะอะไร
อาทิตตัง ราคัคคินา                                          ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสัคคินา โมหัคคินา                                       เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตตัง ชาติยา                                               ร้อนเพราะความเกิด
ชรามะระเณนะ                                                เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ                                             เพราะความโศก และความร่ำไรรำพัน
ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ                                        เพราะความทุกข์ เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ                                                       เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตตันติ วะทามิ                                           เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
. กาโย อาทิตโต                                             กายเป็นของร้อน
โผฏฐัพพา อาทิตตา                                         โผฏฐัพพะ(คือสิ่งที่ถูกต้องทางกาย)เป็นของร้อน
กายวิญญาณัง อาทิตตัง                                   วิญญาณอาศัยกาย เป็นของร้อน
กายสัมผัสดส อาทิตโต                                     สัมผัสอาศัยกาย เป็นของร้อน
ยัมปิทัง กายสัมผัสสะปัจจะยา                         ความรู้สึกอารมณ์นี้เกิดขึ้น เพราะอายสัมผัสเป็น
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       ปัจจัย  แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อะทุกขะมะสุขัง วา                                          ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัมปิ อาทิตตัง                                                  แม้อันนั้น ก็เป็นของร้อน
เกนะ อาทิตตัง                                                 ร้อนเพราะอะไร
อาทิตตัง ราคัคคินา                                          ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสัคคินา โมหัคคินา                                       เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตตัง ชาติยา                                               ร้อนเพราะความเกิด
ชรามะระเณนะ                                                เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ                                             เพราะความโศก และความร่ำไรรำพัน
ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ                                        เพราะความทุกข์ เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ                                                       เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตตันติ วะทามิ                                           เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
. มโน อาทิตโต                                              มนะ(คือใจ) เป็นของร้อน
ธัมมา อาทิตตา                                                 ธรรมทั้งหลาย(คืออารมณ์ที่เกิดแก่ใจ)เป็นของร้อน
มโนวิญญาณัง อาทิตตัง                                   วิญญาณอาศัยมนะเป็นของร้อน
มโน สัมผัสโส อาทิตโต                                    สัมผัสอาศัยมนะเป็นของร้อน
ยัมปิทัง มะโนสัมผัสสะปัจจะยา                      ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัส
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       เป็นปัจจัย แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อะทุกขะมะสุขัง วา                                          ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัมปิ อาทิตตัง                                                  แม้อันนั้น ก็เป็นของร้อน
เกนะ อาทิตตัง                                                 ร้อนเพราะอะไร
อาทิตตัง ราคัคคินา                                          ร้อนเพราะไฟคือราคะ
โทสัคคินา โมหัคคินา                                       เพราะไฟคือโทสะ เพราะไฟคือโมหะ
อาทิตตัง ชาติยา                                               ร้อนเพราะความเกิด
ชรามะระเณนะ                                                เพราะความแก่และความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ                                             เพราะความโศก และความร่ำไรรำพัน
ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ                                        เพราะความทุกข์ เพราะความเสียใจ
อุปายาเสหิ                                                       เพราะความคับแค้นใจ
อาทิตตันติ วะทามิ                                           เราจึงกล่าวว่าเป็นของร้อน
. เอวัง ปัสสัง ภิกขะเว                                                ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับมาแล้ว
สุตะวา อะริยะสาวะโก                                     เห็นอยู่อย่างนี้
จักขุสมิงปิ นิพพินทะติ                                    ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในจักษุ
รูเปสุปิ นิพพินทะติ                                         ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูปทั้งหลาย
จักขุวัญญาเณปิ นิพพินทะติ                            ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในวิญญาณอาศัยจักษุ
จักขุสัมผัสเสปิ นิพพินทะติ                             ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งผัสสะอาศัยจักษุ
ยัมปิทัง จักขุสัมผัสสะปัจจะยา                        ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัส
อุปะปัชชะติ เวทะยิตัง                                     เป็นปัจจัย แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกขะมะสุขขัง วา                                         ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัสมิงปิ นิพพินทะติ                                        ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในความรู้สึกอันนั้น
.โสตัสมิงปิ นิพพินทะติ                                ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในโสตะ
สัทเทสุปิ นิพพินทะติ                                      ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในเสียงทั้งหลาย
โสตะวิญญาเณปิ นิพพินทะติ                          ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในวิญญาณอาศัยโสตะ
โสตะสัมผัสเสปิ นิพพินทะติ                            ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสัมผัสอาศัยโสตะ
ยัมปิทัง โสตะสัมผัสสะปัจจะยา                       ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะโสตสัมผัส
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       เป็นปัจจัย แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกขะมะสุขัง วา                                            ใม่ใช่ทุกข์ ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัสมิงปิ นิพพินทะติ                                        ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในความรู้สึกนั้น
.ฆานัสมิงปิ นิพพินทะติ                               ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในฆานะ
คันเธสุปิ นิพพินทะติ                                       ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในกลิ่นทั้งหลาย
ฆานะวิญญาเณปิ นิพพินทะติ                         ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในวิญญาณอาศัยฆานะ
ฆานะสัมผัสเสปิ นิพพินทะติ                           ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสัมผัสอาศัยฆานะ
ยัมปิทัง ฆานะสัมผัสสะปัจจะยา                      ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะฆานะสัมผัส
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       เป็นปัจจัย แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อะทุกขะมะสุขัง วา                                          ไม่ใช่ทุกข์ ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัสมิงปิ นิพพินทะติ                                        ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในความรู้สึกนั้น
. ชิวหายะปิ นิพพินทะติ                                ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในชิวหา
ระเสสุปิ นิพพินทะติ                                        ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในรสทั้งหลาย
ชิวหาวิญญาเณปิ นิพพินทะติ                          ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในวิญญาณอาศัยชิวหา
ชิวหาสัมผัสเสปิ นิพพินทะติ                           ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสัมผัสอาศัยชิวหา
ยัมปิทัง ชิวหาสัมผัสสะปัจจะยา                      ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะอาศัยชิวหา
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       สัมผัสเป็นปัจจัย แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกขะมะสุขัง วา                                            ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัสมิงปิ นิพพินทะติ                                        ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในความรู้สึกนั้น
๑๐. กายัสมิงปิ นิพพินทะติ                              ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในกาย
โผฏฐัพเพสุปิ นิพพินทะติ                               ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในโผฏฐัพพะทั้งหลาย
กายะวิญญาเณปิ นิพพินทะติ                           ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในวิญญาณอาศัยกาย
กายะสัมผัสเสปิ นิพพินทะติ                            ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสัมผัสอาศัยกาย
ยัมปิทัง กายะสัมผัสสะปัจจะยา                       ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะกายสัมผัสเป็น
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       ปัจจัย  แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อทุกขะมะสุขัง วา                                            ไม่ใช่ทุกข์ ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัสมิงปิ นิพพินทะติ                                        ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในความรู้สึกนั้น
๑๑. มะนัสมิงปิ นิพพินทะติ                             ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในมนะ
ธัมเมสุปิ นิพพินทะติ                                       ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในธรรมทั้งหลาย
มโนวิญญาเณปิ นิพพินทะติ                            ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในวิญญาณอาศัยมนะ
มโนสัมผัสเสปิ นิพพินทะติ                             ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสัมผัสอาศัยมนะ
ยัมปิทัง มะโนสัมผัสสะปัจจะยา                      ความรู้สึกอารมณ์นี้ เกิดขึ้นเพราะอาศัยมโน
อุปปัชชะติ เวทะยิตัง                                       สัมผัสเป็นปัจจัย แม้อันใด
สุขัง วา ทุกขัง วา                                             เป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี
อะทุกขะมะสุขัง วา                                          ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ดี
ตัสมิงปิ นิพพินทะติ                                        ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในความรู้สึกนั้น
๑๒. นิพพินทัง วิรัชชะติ                                  เมี่อเบื่อหน่ายย่อมคลายติด
วิราคา วิมุจจะติ                                               เพราะคลายติด จิตก็พ้น
วิมุตตัสมิง                                                       เมื่อจิตพ้น
วิมุตตะมีติ ญาณัง โหติ                                                ก็มีญาณรู้วาพันแล้ว
ขีณา ชาติ วุสิตัง พฺรหฺมะจะริยัง                       อริยสาวกนั้น ย่อทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
กะตัง กะระณียัง นาปะรัง อัตถัตตายาติ           พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจทีควรทำได้ทำเสร็จ
ปะชานาติ                                                        แล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
๑๓. อิทะมะโวจะ ภะคะวา                               พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสธรรมปริยายนี้แล้ว
อัตตะมะนา เต ภิกขู                                         พระภิกษุเหล่านั้น ก็มีใจยินดีเพลินภาษิตของ
ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุง                         พระผู้มีพระภาคเจ้า
อิมัสมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสสิง               ก็แล เมื่อเวยยากรณ์อันนี้ อันพระผู้มีพระภาค
ภัญญะมาเน                                                     เจ้าตรัสอยู่
ตัสสะ ภิกขุสหัสสัสสะ อะนุปาทายะ                จิตของพระภิกษุพันรูปนั้น ก็พ้นจากอาสวะ
อาสะเวหิ จิตตานิ วิมุจจิงสูติ                            ทั้งหลาย ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทานแล

ไม่มีความคิดเห็น: