วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อนัตตลักขณสูตร 3


-------3
เอวะเมตัง ยะถาถูตัง สัมมัปปัญญายะ             ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ
ทัฏฐัพพัง                                                        ตามเป็นจริงแล้วอย่างนี้
๑๓. ยากาจิ สัญญา                                           สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง
อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนา                            ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี
อัชฌัตตา วา พหิทธา วา                                  ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
โอฬาริกา วา สุขุมา วา                                     หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
หีนา วา ปณีตา วา                                            เลวก็ดี ประณีตก็ดี
ยา ทูเร สันติเก วา                                            อันใด มีในทีไกลก็ดี ในที่ไกล้ก็ดี
สัพพา สัญญา                                                  สัญญาทังหมดก็เป็นสักว่าสัญญา
เนตัง มะมะ                                                      นั่นไม่ใช่ของเรา
เนโสหะมัสมิ                                                    เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
นะ เมโส อัตตาติ                                              นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
เอวะเมตัง สัมมัปปัญญาย ทัฏฐัพพัง               ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตาม
เป็นจริงแล้วอย่างนั้น
๑๔. เยเกจิ สังขารา                                           สังขารทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
อะตีตาตาคะตะปัจจุปปันนา                            ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี
อัชฌัตตา วา พะหิทธา วา                                ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
โอฬาริกา วา สุขุมา วา                                     หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
หีนา วา ปะณีตา วา                                          เลวก็ดี ประณีตก็ดี
เย ทูเร สันติเก วา                                             เหล่าใด มีในที่ใกล้ก็ดี ในที่ไกลก็ดี
สัพเพ สังขารา                                                 สังขารทั้งหลายทั้งหมด เป็นสักว่าสังขาร
เนตัง มะมะ                                                      นั่นไม่ใช่ของเรา
เนโสหะมัสมิ                                                    เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
นะ เมโส อัตตาติ                                              นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
เอวะเมตัง ยะถาภูตัง สัมมัปปัญญายะ             ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ
ทัฏฐัพพัง                                                        ตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น
๑๕. ยังกิญจิ วิญญาณัง                                                วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง
อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนา                            ที่เป็นอดีตก็ดี อนาคตก็ดี ปัจจุบันก็ดี
อัชฌัตตัง วา พะหิทธา วา                                ภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
โอฬาริกัง วา สุขุมัง วา                                                หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี
หีนัง วา ปะณีตัง วา                                         เลวก็ดี ประณีตก็ดี
ยันทูเร สันติเก วา                                            อันใด มีในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี
สัพพัง วิญญาณัง                                             วิญญาณทั้งหมด ก็เป็นสักว่าวิญญาณ
เนตัง มะมะ                                                      นั่นไม่ใช่ของเรา
เนดสหะมัสมิ                                                   เราไม่เป็นนั่นเป็นนี่
นะ เมโส อัตตาติ                                              นั่นไม่ใช่ตนของเรา ดังนี้
เอวะเมตัง สัมมัปปัญญายะ ทัฏฐัพพัง             ข้อนี้อันท่านทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ
๑๖. เอวัง ปัสสัง ภิกขะเว                                  ตามเป็นจริงแล้วอย่างนั้น ดังนี้
สัตวา อะริยะสาวะโก                                       ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้
รูปัสมิงปิ นิพพินทะติ                                      ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในรูป
เวทะนายะปิ นิพพินทะติ                                 ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในเวทนา
สัญญายะปิ นิพพินทะติ                                   ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในสัญญา
สังขาเรสุปิ นิพพินทะติ                                   ย่อมเบื่อหน่าย  ทั้งในสังขารทั้งหลาย
วิญญาณัสมิงปิ นิพพินทะติ                             ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในวิญญาณ
นิพพินทัง วิรัชชะติ                                         เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายความติด
วิราคา วิมุจจะติ                                               เพราะคลายความติด จิตก็พ้น
วิมุตตัสมิง วิมัตตะมีติ ญาณัง โหติ                   เมื่อจิตพ้นแล้ว ก็เกิดญาณรู้วาพ้นแล้ว ดังนี้
ขีณา ชาติ วุสิตัง พฺรหฺมะจะริยัง                       อริยสาวกนั้น ย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว 
กะตัง กะระณียัง                                               พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเราได้ทำเสร็จ
นาปะรัง อิตถัตตายาติ ปะชานาติ                    แล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
๑๗. อิทะมะโว  จะ ภะคะวา                             พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระสูตรนี้จบลง
อัตตะมะนา ปัญจะวัคคิยา ภิกขู                       พระภิกษุปัญจวัคคีย์ก็มีใจยินดี
ภะคะวะโต ภาสิตัง อภินันทุง                           เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อิมัสมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสมิง               ก็แล เมื่อเวยากรณ์นี้ อันพระผู้มีพระภาคตรัสอยู่
ภัญญะมาเน                                                     จิตของพระภิกษุปัญจวัคคีย์
ปัญจะวัคคิยานัง ภิกขูนัง อนุปาทายะ              พ้นแล้ว จากอาสวะ
อาสะเวหิ จิตตานิ วิมุจจิงสูติ                            ทั้งหลาย ไม่ถือมั่นด้วยอุปาทานแล

ไม่มีความคิดเห็น: