วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ธัมมจักกัปปวัตนสูตร 15-8-55-2


อะยัง โข สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา         ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันนี้แล ข้อปฏิบัติซึ่งเป็นกลางนั้น
ตะถาคะเตนะ อภิสัมพุทธา                              ที่ตะถาคตได้ตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง
จักขุกะระณี ญาณะกะระณี                               ทำดวงตา ทำญาณเครื่องรู้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเข้า
อุปะสะมายะ อภิญญายะ สัมโพธายะ               ไปสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี
นิพพานายะ สังวัตตะติ                                    เพื่อความดับ               
อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขัง อะริยะสัจจัง     ดูก่อภิกษุทั้งหลาย ก็นี้แล เป็นทุกข์อย่างแท้จริง คือ
ชาติปิ ทุกขา                                                    ความเกิดก็เป็นทุกข์
ชราปิ ทุกขา                                                     ความแก่ก็เป็นทุกข์
มะระณัมปิ ทุกขัง                                             ความตายก็เป็นทุกข์
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ        ความโศก ความร่ำไรรำพัน
ทุกขา                                                               ความทุกข์โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์
อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข                              ความประสบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รักทั้งหลายเป็นทุกข์
ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข                                   ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักทั้งหลาย เป็นทุกข์
ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง                     ปรารถนาอยู่ย่อมไม่ได้ แม้อันใด แม้อันนั้นก็เป็นทุกข์
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกชา            โดยย่อแล้ว อุปาทานขันธ์ เป็นทุกข์
อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็นี้แล เป็นเหตุให้ทุกข์เกิดขึ้น
 อะริยะสัจจัง                                                    อย่างจริงแท้ คือ
ยายัง ตัณหา โปโนพภะวิกา                             ความทะยานอยากนี้ ทำให้มีภพอีก
นันทิราคะสะหะคะตา                                      เป็นไปกับความกำหนัดด้วยอำนาจแห่งความเพลิน
 ตัตระตัตราภินันทินี                                        เพลิดเพลินในอารมณ์นั้นๆ
เสยยะถีทัง                                                       กล่าวคือ
กามะตัณหา                                                     คือความทะยานอยากในอารมณ์ที่ใคร่
ภะวะตัณหา                                                     คือความทะยานอยากในความมีความเป็น
วิภะวะตัณหา                                                   คือความทะยานอยากในความไม่มีไม่เป็น
อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรโธ                ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็นี่แล เป็นความดับทุกข์
อะริยะสัจจัง                                                     อย่างจริงแท้ คือ
โย ตัสสาเยวะ ตัณหายะ                                   ความดับโดยสิ้นกำหนัด ดดยไม่เหลือแห่งตัณหานั้น
อะเสสะวิราคถนิโรโธ                                       นั่นเทียว อันใด
จาโค                                                                ความสละตัณหานั้น
ปะฏินิสสัคโค                                                  ความวางตัณหานั้น
มุตติ                                                                 ความปล่อยตัณหานั้น
อะนาละโย                                                       ความไม่พัวพันแห่งตัณหานั้น
อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรธะคามินี      ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็นี่แล เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความ
ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง                                   ดับทุกข์อย่างจริงแท้ คือ
อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค                  ทางมีองค์ เครื่องไปจากข้าศึกคือกิเลสนี้แล
เสยยะถีทัง                                                       กล่าวคือ
สัมมาทิฏฐิ                                                    ปัญญาเห็นชอบ
สัมมาสังกัปโป                                             ความดำริชอบ
สัมมาวาจา                                                   วาจาชอบ
สัมมากัมมันโต                                             การงานชอบ
สัมมาอาชีโว                                                 ความเลี้ยงชีวิตชอบ
สัมมาวายาโม                                                ความเพียรชอบ
สัมมาสะติ                                                    ความระลึกชอบ
สัมมาสมาธิ                                                  ความตั้งจิตชอบ
อิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ                           เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิทยาได้เกิดขึ้น
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา         แล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรม
อุทะปาทิวิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ      ทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่านี้เป็น
ทุกขอริยสัจ
. ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง  อะริยะสัจจัง           ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
ปริญเญยยันติ เม ภิกขะเว                                เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิทยาได้เกิดขึ้นแล้ว
ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ                           แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรม
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     ทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้ว
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     ในกาลก่อนว่า ก็ทุกข์
อาโลโก อุทะปาทิ                                             อริยสัจนี้นั่นแล ควรกำหนดรู้
. ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจัง           ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว 
ปริญญาตันติ เม ภิกขเว                                   ญาณได้เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิทยาได้
ปุพเพอะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ                            เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
จักขุง อุทะปาทิญาณัง อุทะปาทิ                      ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้ว
ปัญญา อุทะปาทิ                                              ในกาลก่อนว่า
วิชชา อุทะปาทิ                                                            ก็ทุกขอริยสัจนี้นั่นแล
อาโลโก อุทะปาทิ                                             อันได้ได้กำหนดรู้แล้ว
อิทัง ทุกขสมุทะโย อะริยะสีจจันติ               ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว
เม ภิกขะเวปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ          ญาณได้เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     วิทยาได้เกิดขึ้นแล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้ว ในกาลก่อน
อาโลโก อุทะปาทิ                                             ว่า นี้ทุกขสมุทัยอริยสัจ
. ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะสมุทะโย                  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
อะริยะสัจจัง     ปะหาตัพพันติ เม ภิกขะเว       เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิทยาได้เกิดขึ้น
ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ                           แล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรม
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     ทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้ว ในกาลก่อนวา
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     ก็ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล
อาโลโก อุทะปาทิ                                             ควรละเสีย
. ตัง โข ปะนิทัง ทุกขสมุทะโย                   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
อะริยะสัจจังปะหีนันติ เม ภิกขะเว                   เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิทยาได้เกิดขึ้น
ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธีมเมสุ                           แล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรม
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     ทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้ว ในกาลก่อนว่า ก็ทุกข
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     สมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล
อาโลโก อุทะปาทิ                                             อันเราละได้แล้ว
. อิทัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจันติ                ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
เม ภิกขะเวปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ          เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิทยาได้เกิดขึ้น
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     แล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรม
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     ทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า นี้
อาโลโก อุทะปาทิ                                             ทุกขนิโรธอริยสัจ
. ตัง โข ปะนิทัง ทุกขนิโรโธ                        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
อะริยะสัจจัง สัจฉิกาตัพพันติ เม ภิกขะเว         เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิทยาได้เกิดขึ้น
ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ  ธัมเมสุ                          แล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรม
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     ทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า ก็
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล
อาโลโก อุทะปาทิ                                             ควรทำให้แจ้ง
. ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรโธ                     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
อะริยะสัจจัง สัจฉิกะตันติ เม ภิกขะเว              เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิทยาได้เกิดขึ้น
ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ                           แล้ว แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรม
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     ทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า ก็
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล
อาโลโก อุทะปาทิ                                             อันเราได้ทำให้แจ้งแล้ว
. อิทัง ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา            ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว                               เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว วิทยาได้เกิดขึ้นแล้ว
ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ  ธัมเมสุ                          แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้ว
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     ในกาลก่อนว่า นี้
อาโลโก อุทะปาทิ                                             ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ
. ตัง โข ปะนิทัง                                          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
ทุกขะนิโรธะคามินีปะฏิปะทา                          เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว
อะริยะสัจจัง ภาเวตัพพันติ เม ภิกขะเว            วิทยาได้เกิดขึ้นแล้ว 
ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ                           แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้ว แก่เรา ในธรรม
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     ทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า ก็
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล
อาโลโก อุทะปาทิ                                             ควรให้เจริญ
.  ตัง โข ปะนิทัง                                        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุได้เกิดขึ้นแล้ว ญาณได้
ทุกขะนิโรธะคามินีปะฏิปะทา                          เกิดขึ้นแล้ว ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว
อะริยะสัจจัง ภาวิตันติ เม ภิกขะเว                   วิทยาได้เกิดขึ้นแล้ว
ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ                           แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้ว แก่เรา ในธรรม
จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ                     ทั้งหลายที่เราไม่ได้เคยฟังแล้วในกาลก่อนว่า ก็
ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ                     ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล
อาโลโก อุทะปาทิ                                             อันเราเจริญแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: