วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ธัมมจักกัปปวัตนสูตร 15-8-55-3


ยาวะกีวัญจะ เม ภิกขะเว                                  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
อิเมสุ จตูสุ อะริยะสัจเจสุ                                  ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงแล้ว
เอวันติปะริวัฏฏัง ทะวาทะสาการัง                  อย่างไร ในอริยสัจ เหล่านี้ของเรา
ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง                               ซึ่งมีรอบ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้
นะ สุวิสุทธัง อะโหสิ                                        ยังไม่หมดจดเพียงไดแล้ว
เนวะ ตาวาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก                    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราได้ยินยันตนว่า เป็นผู้ตรัสรู้
โลเก สะมาระเก สะพฺรหฺมะเก                           พร้อมเฉพาะซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้ชอบ ไม่มีความ
สัสสะมะณะพฺราหฺมณิยา ปะชายะ                   ตรัสรู้อื่นจะยิ่งกว่าในโลก เป็นไปกับด้วยเทพดา มาร
สะเทวะมนุสสายะ อนุตตะรัง                          พรหม ในหมู่สัตว์ ทั้งสมณพราหมณ์ เทพดา มนุษย์
สัมมาสัมโพธิง อภิสัมพุทโธ ปัจจัญญาสิง        ไม่ได้เพียงนั้น
ยะโต จะ โข เม ภิกขะเว                                    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เมือใดแล ปัญญาอันรู้เห็นตาม
อิเมสุ จตูสุ อะริยะสัจเจสุ                                  เป็นจริงอย่างไร ในอริยสัจ เหล่านี้
เอวันติปริวัฏฏัง ทะวาทะสาการัง                    ของเราซึ่งมีรอบ อาการ ๑๒ อย่างนี้
ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง สุวิสุทธัง อะโหสิ    หมดจดดีแล้ว
อะถาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก                             เมื่อนั้น เราจึงได้ยืนยันตนว่าเป็นผู้ตรัสรู้พร้อม
โลเก สมาระเก สะพฺรหฺมะเก                             เฉพาะ ซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้ชอบ  ไม่มีความตรัสรู้
สัสสะมะณะพฺราหฺมะณิยา ปะชายะ                 อื่นยิ่งกว่าในโลก เป็นไปกับด้วยเทพดา มาร พรหม
สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง                      ในหมู่สัตว์ ทั้งสมณพราหมณ์
สัมมาสัมโพธิง อภิสัมพุทโธ ปัจจัญญาสิง        เทพดา มนุษย์
ญาณัญจะ ปะนะ เม ทัสสะนัง อุทะปาทิ           ก็แล ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
อะกุปปา เม วิมุตติ                                           ว่าความพ้นวิเศษของเราไม่มีกลับกำเริบ
อะยะมันติมา ชาติ                                            ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว
นัตถิทานิ ปุนัพภะโวติ                                     บัดนี้ไม่มีภพอีก
อิทะมะโวจะ ภะคะวา                                       พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสธรรมปริยายนี้แล้ว
อัตตะมะนา ปัญจะวัคคิยา ภิกขู                       ภิกษุปัญจวัคคีย์ก็มีใจยินดี
ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุง                         เพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อิมัสมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสสิง               ก็แล เมื่อเวยยากรณ์ นี้อั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ภัญญะมาเน                                                     อยู่  จักษุในธรรม อันปราศจากธุลี
อายัสมะโต โกณฑัญญัสสะ                              ปราศจากมลทินได้เกิดขึ้นแล้ว
วิระชัง วีตะมะลัง ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ          แก่พระผู้มีอายุโกณฑัญญะ
ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง                                  ว่าสิ่งใดสิงหนึ่ง มีอันเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งปวง
สัพพันตัง นิโรธัมมันติ                                     นั้น มีอันดับไปเป็นธรรมดา
ปวัตติเต จะ ภะคะวะตา ธัมมะจักเก                 ก็ครั้นเมี่อธรรมจักร อันพระผู้มีพระภาคเจ้าให้
ภูมมา เทวา สัททะมนุสสาเวสุง                       เป็นไปแล้ว เหล่าภุมมเทพดา ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น
เอตัสภะคะวะตา พาราณะสิยัง                         ว่านั่นจักร คือธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าให้
อิสิปะตะเน มิคะทาเย อะนุตตะรัง                    เป็นไปแล้ว ที่ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน
ธัมมะจักกัง ปะวัตติตัง                                     ไกล้เมืองพาราณสี
อัปปะฏิวัตติย้ง สะมะเณนะ วา                        อันสมณพราหมณ์
พฺราหฺมเณนะ วา                                              เทพดา มาร พรหม
เทเวนะ วา มาเรนะ วา พูรหฺมุนา วา                 และใครๆ ในโลก         
เกนะจิ วา โลกัสมินติ                                        ยังให้เป็นไปไม่ได้ ดังนี้
ภุมมานัง เทวานัง สัททัง สุตวา                        เทพเจ้าเหล่าชั้นจาตุมมหาราช ได้ฟังเสียงของเทพเจ้า
จาตุมมะหาราชิกา เทวา สัททะมนุสสาเวสุง    เหล่าภุมมาเทพดาแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น
จาตุมมะหาราชิกานัง เทวานัง สัททัง สุตวา     เทพเจ้าเหล่าชั้นดาวดึงส์ ได้ฟังเสียงเทพเจ้าเหล่าชั่น
ตาวติงสา เทวา สัททะมนุสสาเวสุง                 จาตุมมหาราชแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น
ตาวติงสานัง เทวนัง สัททัง สุตวา                   เทพเจ้าเหล่าชั้นยามะ ได้ฟังเสียงเทพเจ้าเหล่าชั้น
ยามา เทวา สัททะมนุสสาเวสุง                                    ดาวดึงส์แล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น
ยามานัง เทวานัง สัททัง สุตวา                         เทพเจ้าเหล่าชั้นดุสิต ได้ฟังเสียของเทพเจ้าเหล่าชั้น
ตุสิตา เทวา สัททะมนุสสาเวสุง                       ยามะแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น
ตุสิตานัง เทวานัง สัททัง สุตวา                                    เทพเจ้าเหล่านั้นนิมมานรดี ได้ฟังเสียงของเทพเจ้า
นิมมานะระตี เทวา สัททะมนุสสาเวสุง            เหล่าชั้นดุสิตแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น
นิมมานะระตีนั้ง เทวานัง สัททัง สุตวา                        เทพเจ้าเหล่าชั้นปรนิมมิตวสวัดดี ได้ฟังเสียงของเทพเจ้า
ปะระนิมมิตะวะสะวัตดี เทวา                          เหล่าชั้น นิมมานรดีแล้ว ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น
สัททะมนุสสาเวสุง                                          เทพเจ้าเหล่าที่เกิดในหมู่พรหม
ปะระนิมมิตะวะสวัตตีนัง เทวานัง                   ได้ฟังเสียงเทพเจ้า
สัททัง สุตวา                                                    เหล่าชั้นปรนิมมิตวสวัดดีแล้ว
พฺพหฺมะกายิกา เทวา สัททะมนสสาเวสุง         ก็ยังเสียงให้บันลือลั่น
เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง อิสิปะตะเน      ว่านั่น จักรคือธรรม ไมมีจักรอื่นสู้ได้ อันพระผู้มี
มิคะทาเย อนุตตะร้ง ธัมมะจักกัง ปะวัตติตัง    พระภาคเจ้าให้เป็นไปแล้ว ทีป่าอิสิปตนะทฤคทายวัน
อัปปะฏิวัตติยัง สะมะเณนะ วา                        ไกล้เมืองพาราณสี อันสมณพราหมณ์
พ์ราหมเณนะ วา                                              เทพดา มารพรหม และใครๆ
เทเวนะ วา มาเรนะ วา พฺรหฺมุนา วา                ในโลกยังให้เป็นไปไม่ได้
เกนะจิ วา         โลกัสมินติ                                ดังนี้
อิติหะ เตนะ ขะเณนะ เคนะ มุหุตเตนะ โดยขณะครู่เดี่ยวนั้น เสียงขึ้นไปถึงพรหมโลก
ยาวะ พฺรหฺมะโลกา สัทโท อัพภุคคัจฉิ              ด้วยประการฉะนี้
อะยัญจะ ทะสะสะหัสสี โลกะธาตุ                    ทั้งหมื่นโลกธาตุ ได้หวั่นไหว
สังกัมปิ สัมปะกัมปิ สัมปะเวธิ                          สะเทือนสะท้านลั่นไป
อัปปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก              ทั้งแสงสว่างอันยิ่งไม่มีประมาณ
ปาตุระโหสิ                                                      ได้ปรากฏแล้วในโลก
อะติกกัมเมวะ เทวานัง เทวานุภาวัง                 ล่วงเทวานุภาพ ของเทพดาทั้งหลายเสียหมด
อะถะโข ภะคะวา อุทานัง อุทาเนสิ                   ลำดับนั่นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทาน
อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ                         ว่า โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอ ผู้เจริญ โกณฑัญญะได้
อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญติ                       รู้แล้วหนอ ผู้เจริญ
อิติหิทัง อายัสมะโต โกณฑัญญัสสะ                 เพราะเหตุนั้น นามว่า อัญญาโกณฑัญญะนี้นั่นเทียว
อัญญาโกณฑัญโญเตววะ นามัง อโหสีติ           ได้มีแล้วแก่พระผู้มีอายุโกณฑัญญะด้วยประการฉะนี้แล

ไม่มีความคิดเห็น: