วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สาราณียธรรมสูตร


สาราณียธรรมสูตร
เอวัม เม สุตัง,                                                   ข้าพเจ้า(พระอานนทเถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้ว่า
เอกัง สะมะยัง ภะคะวา,                                   สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า
สาวัตถิยัง วิหะระติ,                                         ประทับอยู่ นครสาวัตถี
เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม.          ในพระวิหารชื่อว่าเชตวัน
อันเป็นอารามของท่านอานาถปิณฑิกเศรษฐี
ตัตฺระ โข ภะคะวา ภิกขู                                    ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
อามันเตสิ ภิกขะโวติ.                                       ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดังนี้
ภะทันเตติ เต ภิกขู                                           ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นทูลรับว่า พระเจ้าข้า ดังนี้
ภะคะวะโต ปัจจัสโสสุง,                                   พร้อมกับตั้งใจฟังภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ภะคะวา เอตะทะโวจะ,                                     พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสภาษิตนี้ว่า
ฉะยิเม ภิกขะเว ธัมมา สาราณียา                      ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สาราณียะรรม เหล่านี้ เป็น
ปิยะกะระณา คะรุกะระณา,                              ที่ตั้งแห่งความระลึกถึงกัน ทำให้มีความเคารพกัน
สังคะหายะ อะวิวาทายะ สามัคคิยา                 ช่วยเหลือกัน และสามัคคีพร้อมเพรียงกัน
เอกีภาวายะ สังวัตตันติ,                                   โดยส่วนเดียว
กะตะเม ฉะ?                                                    สาราณียธรรม เป็นอย่างไร?
1 อิธะ ภิกขะเว ภิกขุโน,                                    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เป็นผู้เข้า
เมตตัง กายะกัมมัง ปัจจุปัฏฐิตัง โหติ,              ไปตั้งกายกรรมประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนสหธรรมิก
สะพฺรัมหฺมะจารีสุ  อาวิ เจวะ ระโห จะ,            ทั้งหลาย ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ
อะยัมปิ ธัมโม สาราณีโย ปิยะกะระโณ              สาราณียธรรมนี้แล เป็นเหตุก่อให้เกิดความระลึกถึงกัน
คะรุกะระโณ                                                     ความเคารพกันและกัน
สังคะหายะ อะวิวาทายะ สมามัคคิยา               สงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามัคคีกัน
เอกีภาวายะ สังวัตตะติ.                                    ไม่มีวิวาทกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
2 ปุนะ จะปะรัง ภิกขะเว ภิกขุโน,                     ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเข้าไป
เมตตัง วะจีกัมมัง ปัจจุปัฏฐิตัง โหติ,                ตั้งวจีกรรมประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนสหพรหมจารี
สะพฺรัหฺมะจารีสุ อาวิ เจวะ ระโห จะ,                (เพื่อนภิกษุสามเณร) ทั้งหลาย ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ
อะยัมปิ ธัมโม สาราณีโย ปิยะกะระโณ              สาราณียธรรมนี้แล เป็นเหตุก่อให้เกิดความระลึกถึงกัน
คะรุกะระโณ                                                     ความเคารพกันและกัน
สังคะหายะ อะวิวาทายะ สมามัคคิยา               สงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามัคคีกัน ไม่มี
เอกีภาวายะ สังวัตตะติ.                                    วิวาทกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ปุนะ จะปะรัง ภิกขะเว ภิกขุโน,                    ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเข้าไปตั้ง
เมตตัง มะโนกัมมัง ปัจจุปัฏฐิตัง โหติ,             มโนกรรมประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนสหพรหมจารี
สะพฺรัหฺมะจารีสุ อาวิ เจวะ ระโห จะ,                ทั้งหลาย(ภิกษุและสามเณร) ทั้งในทีแจ้งและในที่ลับ
อะยัมปิ ธัมโม สาราณีโย ปิยะกะระโณ              สาราณียธรรมนี้แล เป็นเหตุก่อให้เกิดความระลึกถึงกัน
คะรุกะระโณ                                                     ความเคารพกันและกัน
สังคะหายะ อะวิวาทายะ สมามัคคิยา               สงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามัคคีกัน ไม่มี
เอกีภาวายะ สังวัตตะติ.                                    วิวาทกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
4 ปุนะ จะปะรัง ภิกขะเว ภิกขุโน,                     ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเข้าไปตั้ง
เย เต ลาภา ธัมมิกา ธัมมะลัทธา,                       ได้ของสิ่งใดมาก็แบ่งปันกัน คือ เมื่อได้สิ่งใดมา
อันตะมะโส ปัตตะปะริยาปันนานะมัตตัมปิ,    โดยชอบธรรม แม้เป็นของเล็กน้อย ก็ไม่หวงไว้ผู้เดียว
ตะถารูเปหิ ลาเภหิ อัปปะฏิวิภัตตะโภคี โหติ,   นำมาแบ่งปันเฉลี่ยเจือจาน
สีละวันเตหิ สะพฺรัหฺมะจารีหิ                            ให้ได้มีส่วนร่วม
สาธาระณะโภคี,                                               ใช้สอยบริโภคทั่วกัน
สะพฺรัหฺมะจารีสุ อาวิ เจวะ ระโห จะ,                ทั้งในทีแจ้งและในที่ลับ
อะยัมปิ ธัมโม สาราณีโย ปิยะกะระโณ              สาราณียธรรมนี้แล เป็นเหตุก่อให้เกิดความระลึกถึงกัน
คะรุกะระโณ                                                     ความเคารพกันและกัน
สังคะหายะ อะวิวาทายะ สมามัคคิยา               สงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามัคคีกัน
เอกีภาวายะ สังวัตตะติ.                                    ไม่มีวิวาทกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
5 ปุนะ จะปะรัง ภิกขะเว ภิกขุโน,                     ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ยานิ ตานิ สีลานิ อะขัณฑานิ อะฉิททนิ                        ภิกษุเข้าไปตั้งความมีศีลบริสุทธิ์
อะสะพะลานิ อะกัมมาสานิ,                             เสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย
ภุชิสสานิ วิญญูปะสัตถานิ                               ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
อะปะรามัฏฐานิ สะมาธิสังวัตตะนิกานิ,           คือ มีความประพฤติสุจริตดีงาม
ตะถารูเปสุ สีเลสุ สีละสามัญญะคะโต             ถูกต้องตามระเบียบวินัย ไม่ทำตน
วิหะระติ,                                                          ให้เป็นที่น่ารังเกียจของหมู่คณะ
สะพฺรัหฺมะจารีสุ อาวิ เจวะ ระโห จะ,                ทั้งในทีแจ้งและในที่ลับ
อะยัมปิ ธัมโม สาราณีโย ปิยะกะระโณ              สาราณียธรรมนี้แล เป็นเหตุก่อให้เกิดความระลึกถึงกัน
คะรุกะระโณ                                                     ความเคารพกันและกัน
สังคะหายะ อะวิวาทายะ สมามัคคิยา               สงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามัคคีกัน
เอกีภาวายะ สังวัตตะติ.                                    ไม่มีวิวาทกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
6 ปุนะ จะปะรัง ภิกขะเว ภิกขุโน,                     ข้ออื่นยังมีอยู่อีก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเข้าไปตั้ง
ยายัง อะริยา นิยยานิกามมีทิฏฐิ                       ความดีงามเสมอกันเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ทั้งต่อ
นิยาติ ตักกะรัสสะ สัมมาทุกขักขะยายะ,          หน้าและลับหลัง คือ มีความเห็นชอบร่วมกัน
ตถารูปายะ ทิฏฐิยา ทิฏฐิสามัญญะคะโต         ในข้อที่เป็นหลักการสำคัญที่จะนำไปสู่
วิหะระติ,                                                          ความหลุดพ้น สิ้นทุกข์ หรือขจัดปัญหา
สะพฺรัหฺมะจารีสุ อาวิ เจวะ ระโห จะ,                ทั้งในทีแจ้งและในที่ลับ
อะยัมปิ ธัมโม สาราณีโย ปิยะกะระโณ              สาราณียธรรมนี้แล เป็นเหตุก่อให้เกิดความระลึกถึงกัน
คะรุกะระโณ                                                     ความเคารพกันและกัน
สังคะหายะ อะวิวาทายะ สมามัคคิยา               สงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สามัคคีกัน
เอกีภาวายะ สังวัตตะติ.                                    ไม่มีวิวาทกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
อิเม โข ภิกขะเว ฉะ ธัมมา สาราณียา                ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สาราณียธรรม ๖ เหล่านี้แล
ปิยะกะระณา คะรุกะระณา,                              ความระลึกถึงกัน ทำให้มีความเคารพกัน
สังคะหายะ อะวิวาทายะ สามัคคิยา                 ช่วยเหลือกัน และสามัคคีพร้อมเพรียงกัน
เอกีภาวายะ สังวัตตันตีติ.                                 โดยส่วนเดียว
อิทะมะโวจะ ภะคะวา,                                      พระผู้มีพระภาคตรัสภาษิตนี้แล้ว
อัตตะมานา เต ภิกขู ภะคะวะโต ภาสิตัง,          ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น มีใจยินดีภาษิตของ
อภินันทุนติ .                                                    พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วแล

ไม่มีความคิดเห็น: