วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มหาสมัยสูตร ๑


มหาสมัยสูตร
------1
เอวัมเม สุตัง                                                     อันข้าพเจ้า(คือพระอานนทเถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้
เอกัง สะมะยัง ภะคะวา                                    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า
สุกเกสุ วิหะระติ                                               เสด็จประทับอยู่ในสักกะชนบท
กะปิละวัตถุสมิง มะหาวะเน                             ณ ป่ามหาวัน ไกล้กรุงกบิลพัสดุ์
มะหะตา ภิกขุสังเฆนะ สัทธิง                           กับด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ปัญจะมัตเตหิ ภิกขุสะเตหิ                                คือภิกษุประมาณ ๕๐๐
ทะสะหิ จะ โลกะธาตูหิ                         ล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด
เทวะตา เยภุยเยนะ                                           อนึ่ง เทพดาทั้งหลาย ก็มาแล้ว
สันนิปะติตา โหนติ                                          จากโลกธาตุ ๑๐ โดยมากเป็นผู้ประชุมกันแล้ว
ภะคะวันตัง ทัสสะนายะ                                  เพื่อทัสสนาพระผู้มีพระภาคเจ้า
ภิกขุสังฆัญจะ                                                  และภิกษุสงฆ์
อะถะ   โข จะตุนนัง สุทธาวาสะกายิกานัง       ครั้งนั้นแล ความปริวิตกนี้ ได้มี
เทวานัง เอตะทะโหสิ                                       แก่เทพดาชั้นสุทธาวาส องค์ว่า
อะยัง โข ภะคะวา สักเกสุ วิหะระติ                   พระผู้มีพระภาคเจ้านี้แล ประทับอยู่
กะปิละวัตถุสมิง มะหาวะเน                             ป่ามหาวัน ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ในสักกชนบท
มะหะตา ภิกขุสังเฆนะ สัทธิง                           กับด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ปัญจะมัตเตหิ ภิกขุสะเตหิ                                คือภิกษุประมาณ ๕๐๐
สัพเพเหวะ อะระหันเตหิ                                  ล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด
ทะสะหิ จะ โลกะธาตูหิ                         อนึ่ง เทพดาทั้งหลาย ก็มาแล้ว
เทวะตา เยภุยเยนะ                                           จากโลกธาตุ ๑๐ โดยมาก
สันนิปะติตา โหนติ                                          เป็นผู้ประชุมกันแล้ว
ภะคะวันตัง ทัสสะนายะ                                  เพื่อทัสนาพระผู้มีพระภาคเจ้า
ภิกขุสังฆัญจะ                                                  และภิกษุสงฆ์
ยันนูนะ มะยัมปิ                                               อย่ากระนั้นเลย แม้เราทั้งหลาย พระผู้มี
เยนะ ภะคะวา                                                  พระภาคเจ้า ประทับโดยที่ใด พึงเข้าไปโดยที่นั้น
เตนุปะสังกเมยยามะอุปะสังกะมิตฺวา               ครั้นเข้าไปไกล้แล้ว     
ภะคะวะโต สันติเก ปัจเจกะคาถา                     พึงกล่าวคาถาเฉพาะองค์ละคาถา       
ภาเสยยามาติ                                                   ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อะถะโข ตา เทวะตา                                         ครั้งนั้นแล เทพดาทั้งหลายนั้น
เสยยะถาปิ นามะ พะละวา ปุริโส                     เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีกำลัง
สัมมิญชิตัง วา ปะสาเรยยะ                              พึงเหยียดแขนที่งอออกหรือ พึงคู้แขนที่เหยียด
ปะสาตัง  วา พาหัง สัมมิญเชยยะ                    ออกแล้วเข้ามา
เอวะเมวะ สุทธาวาเสสุ เทเวสุ อันตะระหิตา     อย่างเดียวกันฉันนั้น ได้อันตรธานในเทวโลกชั้นสุทธาวาส
ภะคะวะโต ปุระโต ปาตุระหังสุ                        มาปรากฏเบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อะถะ โข ตา เทวะตา                                        ครั้งนั้นแล เทพดาทั้งหลายนั้น
ภะคะวันตัง อะภิวาเทตตะวา                           ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
เอกะมันตัง อุฏฐังสุ                                          ได้ยืนอยู่ส่วนข้างหนึ่ง
เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เอกา เทวะตา                เทพดาองค์หนึ่ง ซึ่งยืนอยู่แล้ว ส่วนข้างหนึ่งแล
ภะคะวะโต สันติเก คาถัง อะภาสิ                     ได้ภาษิตคาถานี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
มะหาสะมะโย ปะวะนัสมิง                               วันนี้เป็นมหาสมัยในป่ามหาวัน
เทวะกายา สะมาคะตา                                      หมู่เทพดาทั้งหลายมาประชุมกันแล้ว
อาคะตัมหะ อิมัง ธัมมะสะมะยัง                       เราเป็นผู้มาแล้วส่ธรรมสมัยนี้
ทักขิตาเยวะ อะปะราชิตะสังฆันติ                   ได้เห็นพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์
อะถะ โข อะปะรา เทวะตา                               ลำดับนั้นแล เทพดาอีกองค์หนึ่ง
ภะคะวะโต สันติเก อิมัง คาถัง อะกาสิ              ได้ภาษิตคาถานี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ตัตฺระ ภิกขะโว สะมาทะหังสุ                           ภิกษุทั้งหลายในที่ประชุมนั้นมั่นคงแล้ว
จิตตัง อัตตะโน อุชุกะมะกังสุ                           ได้ทำจิตของตนให้ตรง
สาะถีวะ เตตานิ คะเหตฺวา                                เหมือนสารถี ถือเชือกทั้งหลายยืนอยู่
อินทฺริยานิ รักขันติ ปัณฑิตาติ                          ท่านเป็นบัณฑิต รักษาอินทรีย์ทั้งหลายดังนี้
อะถะ  โข อะปะรา เทวะตา                              ลำดับนั้นเทพดาอีกองค์หนึ่ง
ภะคะวะโต สันติเก อิมัง คาถัง อะภาสิ             ได้ภาษิตคาถานี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
เฉตฺวา ขีลัง เฉตฺวา ปะสีฆัง                              ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นตัดกิเลสดังตาปู กิเลสดุจลิ่มสลัก
อันทะขีลัง โอหัจจะมะเนชา                             ถอนกิเลสดุจเสาเขื่อนแล้ว เป็นผู้ไม่หวั่นไหว
เต จะรันติ สุทธา วิมะลา                                  ท่านเป็นผู้หมดจด ไม่มีมลทินเทียวไป
จักขุมะตา สุทันตา สุสู นาคาติ             ท่านเป็นพระนาคะหนุ่ม มีดวงตาทรมานดีแล้วดังนี้
อะถะ โข อะปะรา เทวะตา                               ลำดับนั้นแล เทพดาอีกองค์หนึ่ง
ภะคะวะโต สันติเก อิมัง คาถัง อะภาสิ             ได้ภาษิตคาถานี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
เย เกจิ พุทธัง สะระณัง คะตา เส                      ชนทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนี่งถึงพระพุทธเจ้าว่า
นะ เต คะมิสสันติ อะปายะภูมิง                        เป็นสรณะชนทั้งหลายเหล่านั้นจักไม่ไปสู่อบายภูมิ
ปะหายะ มานุสัง เทหัง                                     ละกายเป็นของมนุษย์แล้ว
เทวะกายัง ปะริปูเรสสันตีติ                              จักยังกายทิพย์ให้บริบูรณ์ดังนี้

ไม่มีความคิดเห็น: