วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

อนัตตลักขณะสูตร ๒ 25-3-56


อนัตตลักขณะสูตร
เอวัมเม สุตัง                                                     อันข้าพเจ้า(คือพระอานนทเถระ)ได้สดับมาแล้วอย่างนี้
เอกัง สะมะยัง ภะคะวา                                    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ทีป่าอิสิ
พาราณะสิยัง วิหะระติ อินิปะตะเน มิคะทาเย  ปตนะทฤคทายวัน ไกล้เมืองพาราณสี 
ตัตฺระ โข ภะคะวา ปัญจะวัคคิเย                      ในกาลนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเตือน
ภิกขู  อามันเตสิ                                                พระภิกษุปัญจวัคคีย์(ให้ตั้งใจฟังภาษิตนี้ว่า)
.รูปัง ภิกขะเว อนัตตา                                    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูป (คือร่างกายนี้)
เป็นอนัตตา (มิใช่ตน)
รูปัญจะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา อะภะวิสสะ         ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็รูปจักได้เป็นอัตตา(ตน)แล้ว
นะยิทัง รูปัง อาพาธายะ สังวัตเตยยะ              รูปนี้ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ(ความลำบาก)
ลัพเภถะ จะ รูเป                                               อนึ่ง สัตว์พึ่งได้ในรูปตามใจหวังว่า รูปของเรา จง
เอวัง เม โหตุ เอวัง เม รูปัง มา อโหสีติ              เป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่างได้เป็นอย่างนั้นเลย
ยัสมา จะ โข ภิกขะเว รูปัง อนัตตา                   ก็เพราะเหตุใดแล ภิกษุทั้งหลาย รูปจึงเป็นอนัตตา
ตัสมา รูปัง อาพาธายะ สังวัตตะติ                    เพราะเหตุนั้น รูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
นะ จะ ลัพภะติ รูเป                                          อนึ่ง สัตว์ย่อมไม่ได้รูปตามใจหวัง
เอวัง เม รูปัง โหตุ                                             ว่ารูปของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด
เอวัง เม รูปัง มา อโหสีติ                                   รูปของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
. เวทะนา อนัตตา                                          เวทนา (คือความรู้สึกอารมณ์)เป็นอนัตตา
เวทะนา จะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา อะภะวิสสะ   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เวทนานี้จักเป็นอัตตาแล้ว
นะยิทัง เวทะนา อาพาธายะ สังวัตเตยยะ         เวทนานี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
ลัพเภถะ จะ เวทะนายะ                                    อนึ่ง สัตวฅ์พึงได้ในเวทนาตามใจหวัง
เอวัง เม เวทะนา โหตุ                                       ว่าเวทนาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของเรา
เอวัง เม เวทะนา มา อโหสีติ                             อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ยัสมา จะ โข ภิกขะเว                                       เพราะเหตุใดแล ภิกษุทั้งหลาย
เวทะนา อนัตตา                                               เวทะนาจึงเป็นอนัตตา
ตัสมา เวทะนา อาพาธายะ สังวัตตะติ              เพราะเหตุนั้น เวทนาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
นะ จะ ลัพเภถะ จะ เวทะนายะ                         อนึ่ง สัตว์ย่อมไม่ได้ในเวทนาตามใจหวัง
เอวัง เม เวทะนา โหตุ                                       ว่าเวทนาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของเรา
เอวัง เม เวทะนา มา อโหสีติ                             อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
สัญญา อนัตตา                                           สัญญา(คือความจำ) เป็นอนัตตา
สัญญา จะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา อะภะวิสสะ     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สัญญานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว
นะยิทัง สัญญา อาพาธายะ สังวัตเตยยะ          สัญญานี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
ลัพเภถะ จะ สัญญายะ                                      อนึ่ง สัตว์ ก็ไม่พึงได้ในสัญญาตามใจหวัง
เอวัง เม สัญญา โหตุ                                         ว่าสัญญาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด
เอวัง เม สัญญา มา อโหสีติ                               สัญญาของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ยัสมา จะ โข ภิกขะเว สัญญา อนัตตา               ก็เพราะเหตุใดแล ภิกษุทั้งหลาย สัญญาจึงเป็น
ตัสมา สัญญา อาพาธายะ สังวัตตติ                  อนัตตา เพราะเหตุนั้น สัญญาจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
นะ จะ ลัพภะติ  สัญญายะ                                อนึ่ง สัตว์ย่อมไม่ได้ในสัญญาตามใจหวัง
เอวัง เม สัญญา โหตุ                                         ว่าสัญญาของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด
เอวัง เม สัญญา มา อโหสีติ                               สัญญาของเรา อย่างได้เป็นอย่างนั้นเลย
. สังขารา อนัตตา                                          สังขารทั้งหลาย
สังขารา จะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา                      (คือสภาพที่เกิดกับใจ ปรุงแต่งใจให้ดีบ้าง ชั่วบ้าง )
 อะภะวิสสังสุ                                                   เป็นอนัตตา
นะยิทัง สังขารา อาพาธายะ สังวัตเคยยุง         ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สังขารทั้งหลายนี้ จักได้เป็น
ลัพเภถะ จะ สังขาเรสุ                                      อัตตาแล้ว สังขารทั้งหลายนี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
เอวัง เม สังขารา โหนตุ                                    อนึ่ง สัตว์พึงได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง
เอวัง เม สังขารา มา  อะเหสุนติ                        ว่าสังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขาร   
ทั้งหลายของเรา อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
ยัสมา จะ โข ภิกขะเว                                       ก็เพราะเหตุใดแล ภิกษุทั้งหลาย
สังขารา อนัตตา                                               สังขารทั้งหลายจึงเป็นอนัตตา
ตัสมา สังขารา อาพาธายะ สังวัตตะติ              เพราะเหตุนั้น สังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
นะ จะ ลัพภะติ สังขาเรสุ                                  อนึ่ง สัตว์ย่อมไม่ได้ในสังขารทั้งหลายตามใจหวัง
เอวัง เม สังขารา โหนตุ                                    ว่าสังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด
เอวัง เม สังขารา  มา อเหสุนติ                          สังขารทั้งหลายของเรา  อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย
วิญญาณัง อนัตตา                                        วิญญาณ(คือใจ) เป็นอนัตตา
วิญญาณัญจะ หิทัง ภิกขะเว อัตตา                   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็วิญญาณนี้
อะภะวิสสะ                                                      จักได้เป็นอัตตาแล้ว
นะยิทัง วัญญาณัง อาพาธายะ สังวัตเตยยะ     วิญญาณนี้ ก็ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
ลัพเภถะ จะ วิญญาเณ                                      อนึ่ง สัตว์พึงได้ในวิญญาณตามใจหวัง
เอวัง เม วิญญาณัง โหตุ                                    ว่าวิญญาณของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด
เอวัง เม วิญญาณัง มา อโหสีติ                          วิญญาณของเรา  อย่าได้เป็นอย่างนันเลย

ไม่มีความคิดเห็น: