วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

มหาสมัยสูตร


มหาสมัยสูตร
เอวัมเม สุตัง                                                    อันข้าพเจ้า(คือพระอานนทเถระ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้
เอกัง สะมะยัง ภะคะวา                                   สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า
สุกเกสุ วิหะระติ                                              เสด็จประทับอยู่ในสักกะชนบท
กะปิละวัตถุสมิง มะหาวะเน                            ณ ป่ามหาวัน ไกล้กรุงกบิลพัสดุ์
มะหะตา ภิกขุสังเฆนะ สัทธิง                          กับด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ปัญจะมัตเตหิ ภิกขุสะเตหิ                               คือภิกษุประมาณ ๕๐๐
ทะสะหิ จะ โลกะธาตูหิ                                    ล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด
เทวะตา เยภุยเยนะ                                          อนึ่ง เทพดาทั้งหลาย ก็มาแล้ว
สันนิปะติตา โหนติ                                         จากโลกธาตุ ๑๐ โดยมากเป็นผู้ประชุมกันแล้ว
ภะคะวันตัง ทัสสะนายะ                                 เพื่อทัสสนาพระผู้มีพระภาคเจ้า
ภิกขุสังฆัญจะ                                                  และภิกษุสงฆ์
อะถะ   โข จะตุนนัง สุทธาวาสะกายิกานัง      ครั้งนั้นแล ความปริวิตกนี้ ได้มี
เทวานัง เอตะทะโหสิ                                       แก่เทพดาชั้นสุทธาวาส องค์ว่า
อะยัง โข ภะคะวา สักเกสุ วิหะระติ                 พระผู้มีพระภาคเจ้านี้แล ประทับอยู่
กะปิละวัตถุสมิง มะหาวะเน                            ป่ามหาวัน ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ในสักกชนบท
มะหะตา ภิกขุสังเฆนะ สัทธิง                          กับด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ปัญจะมัตเตหิ ภิกขุสะเตหิ                               คือภิกษุประมาณ ๕๐๐
สัพเพเหวะ อะระหันเตหิ                                 ล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด
ทะสะหิ จะ โลกะธาตูหิ                                    อนึ่ง เทพดาทั้งหลาย ก็มาแล้ว
เทวะตา เยภุยเยนะ                                          จากโลกธาตุ ๑๐ โดยมาก
สันนิปะติตา โหนติ                                         เป็นผู้ประชุมกันแล้ว
ภะคะวันตัง ทัสสะนายะ                                 เพื่อทัสนาพระผู้มีพระภาคเจ้า
ภิกขุสังฆัญจะ                                                  และภิกษุสงฆ์
ยันนูนะ มะยัมปิ                                              อย่ากระนั้นเลย แม้เราทั้งหลาย พระผู้มี
เยนะ ภะคะวา                                                 พระภาคเจ้า ประทับโดยที่ใด พึงเข้าไปโดยที่นั้น
เตนุปะสังกเมยยามะอุปะสังกะมิตฺวา              ครั้นเข้าไปไกล้แล้ว     
ภะคะวะโต สันติเก ปัจเจกะคาถา                    พึงกล่าวคาถาเฉพาะองค์ละคาถา       
ภาเสยยามาติ                                                   ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อะถะโข ตา เทวะตา                                        ครั้งนั้นแล เทพดาทั้งหลายนั้น
เสยยะถาปิ นามะ พะละวา ปุริโส                    เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีกำลัง
สัมมิญชิตัง วา ปะสาเรยยะ                             พึงเหยียดแขนที่งอออกหรือ พึงคู้แขนที่เหยียด
ปะสาตัง  วา พาหัง สัมมิญเชยยะ                    ออกแล้วเข้ามา
เอวะเมวะ สุทธาวาเสสุ เทเวสุ อันตะระหิตา   อย่างเดียวกันฉันนั้น ได้อันตรธานในเทวโลกชั้นสุทธาวาส
ภะคะวะโต ปุระโต ปาตุระหังสุ                      มาปรากฏเบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อะถะ โข ตา เทวะตา                                       ครั้งนั้นแล เทพดาทั้งหลายนั้น
ภะคะวันตัง อะภิวาเทตตะวา                          ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
เอกะมันตัง อุฏฐังสุ                                          ได้ยืนอยู่ส่วนข้างหนึ่ง
เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เอกา เทวะตา               เทพดาองค์หนึ่ง ซึ่งยืนอยู่แล้ว ส่วนข้างหนึ่งแล
ภะคะวะโต สันติเก คาถัง อะภาสิ                    ได้ภาษิตคาถานี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
มะหาสะมะโย ปะวะนัสมิง                             วันนี้เป็นมหาสมัยในป่ามหาวัน
เทวะกายา สะมาคะตา                                     หมู่เทพดาทั้งหลายมาประชุมกันแล้ว
อาคะตัมหะ อิมัง ธัมมะสะมะยัง                     เราเป็นผู้มาแล้วส่ธรรมสมัยนี้
ทักขิตาเยวะ อะปะราชิตะสังฆันติ                   ได้เห็นพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์
อะถะ โข อะปะรา เทวะตา                               ลำดับนั้นแล เทพดาอีกองค์หนึ่ง
ภะคะวะโต สันติเก อิมัง คาถัง อะกาสิ            ได้ภาษิตคาถานี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ตัตฺระ ภิกขะโว สะมาทะหังสุ                          ภิกษุทั้งหลายในที่ประชุมนั้นมั่นคงแล้ว
จิตตัง อัตตะโน อุชุกะมะกังสุ                          ได้ทำจิตของตนให้ตรง
สาะถีวะ เตตานิ คะเหตฺวา                               เหมือนสารถี ถือเชือกทั้งหลายยืนอยู่
อินทฺริยานิ รักขันติ ปัณฑิตาติ                          ท่านเป็นบัณฑิต รักษาอินทรีย์ทั้งหลายดังนี้
อะถะ  โข อะปะรา เทวะตา                              ลำดับนั้นเทพดาอีกองค์หนึ่ง
ภะคะวะโต สันติเก อิมัง คาถัง อะภาสิ                        ได้ภาษิตคาถานี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
เฉตฺวา ขีลัง เฉตฺวา ปะสีฆัง                              ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นตัดกิเลสดังตาปู กิเลสดุจลิ่มสลัก
อันทะขีลัง โอหัจจะมะเนชา                             ถอนกิเลสดุจเสาเขื่อนแล้ว เป็นผู้ไม่หวั่นไหว
เต จะรันติ สุทธา วิมะลา                                 ท่านเป็นผู้หมดจด ไม่มีมลทินเทียวไป
จุกขุมมะตา สุทันตา สุสู นาคาติ                     ท่านเป็นพระนาคะหนุ่ม มีดวงตาทรมานดีแล้วดังนี้
อะถะ โข อะปะรา เทวะตา                               ลำดับนั้นแล เทพดาอีกองค์หนึ่ง
ภะคะวะโต สันติเก อิมัง คาถัง อะภาสิ                        ได้ภาษิตคาถานี้ ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
เย เกจิ พุทธัง สะระณัง คะตา เส                      ชนทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนี่งถึงพระพุทธเจ้าว่า
นะ เต คะมิสสันติ อะปายะภูมิง                      เป็นสรณะชนทั้งหลายเหล่านั้นจักไม่ไปสู่อบายภูมิ
ปะหายะ มานุสัง เทหัง                                                ละกายเป็นของมนุษย์แล้ว
เทวะกายัง ปะริปูเรสสันตีติ                             จักยังกายทิพย์ให้บริบูรณ์ดังนี้
อะถะ โข ภะคะวา ภิกขู อามันเตสิ                   ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุ
เยภุยเยนะ ภิกขะเว ทะสะสุ                             ทั้งหลายว่าภิกษุทั้งหลาย เทวดาทั้งหลายในโลกธาตุ ๑๐
โลกะธาตูสุ เทวะตา สันนิปะติตา                    ประชุมกันแล้วโดยมาก
ตะถาคะตัง ทัสสะนายะ ภิกขุสังฆัญจะ          เพื่อทัสสนาตถาคตและภิกษุสงฆ์
เยปิ เต ภิกขะเว อะเหสุง                                  ภิกษุทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
อะตีตะมัทธานัง อะระหันโต                           ทั้งหลายนั้น แม้ใด
สัมมาสัมพุทธา                                                ได้มีแล้วในอดีตกาล
เตสัมปิ ภะคะวันตานัง                                                เทพดาทั้งหลายมีประมาณเท่านี้แหละ ได้เป็นผู้
เอตะปะระมาเยวะ เทวะตา                              ประชุมกันแล้วเพื่อทัสสนาพระผู้มีพระภาค
สันนิปะติตา อะเหสุง                                      อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายแม้นั้น
เสยยะถาปิ มัยหัง เอตะระหิ                            แม้เหมือนเทพดาทั้งหลาย ประชุมกันเพื่อทัสสนา
เยปิ เต ภิกขะเว ภะวิสสันติ                             เราในบัดนี้ภิกษุทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคอรหันต
อะนาคะตะมัทธานัง อะระหันโต                    สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายนั้นแม้ใด
สัมมาสัมพุทธา                                                จักมีในอนาคต
เตสัมปิ ภะคะวันตานัง                                                เทพดาทั้งหลายมีประมาณเท่านี้แหละ จักเป็นผู้ประชุมกัน
เอตะปะระมาเยวะ เทวะตา                              แล้วเพื่อทัสสนา พระผู้มีพระภาคอรหันต
สันนิปะติตา ภะวิสสันติ                                 สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายแม้นั้น
เสยยะถาปิ มัยหัง เอตะระหิ                            แม้เหมือนเทพดาทั้งหลายประชุมกันเพื่อทัสสนา
อาจิกขิสสามิ ภิกขะเว                                      เราในบัดนี้ภิกษุทั้งหลาย เราจักบอก
เทวะกายานัง นามานิ                                      ซึ่งชื่อของเทพดาทั้งหลาย
กิตตะยิสสามิ ภิกขะเว                                     ภิกษุทั้งหลาย เราจักกำหนด
เทวะกายานัง นามานิ                                      ซึ่งชื่อของพวกเทพดาทั้งหลาย
เทสิสสามิ ภิกขะเว                                           ภิกษุทั้งหลายเราจักแสดง
เทวะกายานัง นามานิ                                      ซึ่งชื่อของเทพดาทั้งหลาย
ตัง สุณาถะ                                                      ท่านทั้งหลายจงฟัง ซึ่งการแสดงชื่อของเทพดานั้น
สาธุกัง มะนะสิ กะโรถะ                                  จงทำในใจ ให้สำเร็จประโยชน์เถิด
ภาสิสสามีติ                                                     เราจักภาษิต บัดนี้
เอวัมภันเตติ โข เต ภิกขู                                   ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ทูลรับแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ภะคะวะโต ปัจจัสโสสุง                                   อย่างนั้น พระเจ้าข้า ดังนี้แล
ภะคะวา เอตะทะโวจะ                                     พระผุ้มีพระภาคเจ้า จึงได้ตรัสภาษิตนี้ว่า
สิโลกะมะนุกัสสามิ                                          เราจะทำสิโลก (คือถ้อยคำที่ประพันธ์ผุ้เป็นคำฉันท์)
ยัตถะ ภุมมา ตะทัสสิตา                                  ภุมมเทพดาทั้งหลาย อาศัยแล้วในที่ใด
ภิกษุทั้งหลายอาศัยแล้วในที่นั้น
เย สิตา คิคิคัพภะรัง                                         ภิกษุทั้งหลายเหล่าใด อาศัยแล้วซึ่งซอกแห่งภูเขา
ปะหิตกัตตา สะมาหิตา                                               มีตนอันส่งไปแล้ว ตั้งจิตมั่น
ปุถู สีหาวะ สัลลีนา                                          เป็นอันมาก ซ่อนเร้นอยู่แล้ว ดังราชสีห์
โลมะหังสาภิสัมภุโน                                       ครอบงำเสียซึ่งขนพองสยอมเกล้า
โอทาตมะนะสา สุทธา                                     มีใจผุดผ่อง หมดจด
วิปปะสันนะมะนาวิลา                                    ใสสะอาดไม่ขุ่นมัว
ภิยโย ปัจจะสะเต ญัตฺวา                                  พระศาสดาทรงทราบภิกษุที่อยู่ ป่ามหาวัน
วะเน กาปิละวัตถะเว                                       ไกล้กรุงกบิลพัสดุ์ ๕๐๐ เศษ
ตะโต อามันตะยิ สัตถา                                               แต่นั้นจึงตรัสเรียกพระสาวกทั้งหลาย
สาวะเก สาสะเน ระเต                                     ผู้ยินดีแล้วในพระศาสนาว่า
เทวะกายา อะภิกันตา                                       ภิกษุทั้งหลาย หมู่เทพดามุ่งมากันแล้ว ท่านทั้งหลายจง
เต วิชานาถะ ภิกขะโว                                      รู้จักหมู่เทพดาเหล่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น: