วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

สิงคาลสูตร ๕ ๒๕-๓-๕๖


ฉะ โขเม คะหะปะติปุตตะ  อาทีนะวา              ดูก่อนคฤหบดีบุตร เหล่านี้แล โทษ อย่าง
อาลัสสานุโยเค                                                 ในความประกอบความเป็นผู้เกียจคร้านเนืองๆ
อะติสีตันติ กัมมัง นะ กะโรติ                            กล่าวผิดเพี้ยนว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน
อะติอุณหันติ กัมมัง นะ กะโรติ             กล่าวผิดเพี้ยนว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำการงานอย่าง๑
อะติสายันติ กัมมัง นะ กะโรติ                          กล่าวผัดเพี้ยนว่า เวลาเย็นเกินไปแล้ว
ไม่ทำการงานอย่าง๑
อะติปาโตติ กัมมัง นะ กะโรติ                           กล่าวผิดเพี้ยนว่ายังเช้านักแล้วไม่ทำการงานอย่าง
อะติจฉาโตสฺมีตี กัมมัง นะ กะโรติ                    กล่าวผิดเพี้ยนว่าข้าหิวนักแล้วไม่ทำการงานอย่าง
อะติปิปาสิโตสฺมีติ กัมมัง นะ กะโรติ                 กล่าวผัดเพี้ยนว่าข้าระหายนักแล้วไม่ทำการงานอย่าง
ตัสสะ เอวัง กิจจาปะเทสะพุลัสสะ วิหะระโต   เมื่อเขามากไปด้วยการอ้างเลสในกิจที่จะต้องทำ
อะนุปปันนา เจวะ โภคา นุปปัชชันติ               อยู่อย่างนี้โภคสมบัติที่ยังไม่เกิดก็หาเกิดขึ้นไม่
อุปปันนา จะ โภคา ปะริกขะยัง คัจฉันติ          โภคสมบัติที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมถึงความเสื่อมสิ้นไป
อิเม โข คะหะปะติปุตตะ ฉะ อาทีนะวา            ดูก่อนคฤหบดีบุตร เหล่านี้แล โทษ อย่าง
อาลัสสานะโยเคติ.                                            ในความเป็นผู้ประกอบความเป็นผู้เกียจคร้านเนื่องๆ
อิทะมะโวจะ ภะคะวา                                       พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำอันเป็นไวยากรณ์นี้แล้ว
อิทัง วัตฺวาน สุคะโต                                         พระองค์ผู้ศาสดา
อะถาปะรัง เอตะทะโวจะ สัตถา                       จึงตรัสคาถาประพันธ์นี้ต่อไปว่า
โหติ ปานะสะขา นามะ                                                เพื่อนในโรงสุราก็มี
โหติ สัมมิยะสัมมิโย                                         เพื่อนกล่าวแต่ปากว่าเพื่อนๆ ก็มี
โย จะ อัตเถสุ ชาเตสุ                                        ก็แต่ว่าผู้ใด เมื่อความต้องการเกิดขึ้นแล้ว
สะหาโย โหติ โส สะขา                                     ช่วยเป็นสหาย ผู้นั้นชื่อว่าเพื่อนแท้
อุสฺสูระเสยยา ปะระทาระเสวะนา                     ความนอนสาย ความเสพเมียของชายอื่น
เวรัปปะสังโค จะ อะนัตถตา จะ                       ความประสงค์หมายมั่นผูกเวร
ความเป็นผู้ทำแต่สิ่งที่หาประโยชน์มิได้
ปาปา จะ มิตตา สุกระทะริยะตา จะ                 มิตรชั่ว ความเป็นผู้ตระหนี่เหนียวแน่นยิงนัก๑
เอเต ฉะ ฐานา ปุริสัง ธังสะยันติ.                      เหตุ อย่างนี้ย่อมทำบุรุษให้เสื่อม
จากสุขประโยชน์ที่จะพึงได้พึงถึง
ปาปะมิตโต ปาปะสะโข                                   คนมีมิตรชั่ว มีเพื่อนชั่ว
ปาปะอาจาระโคจะโร                                       มีความประพฤติและโคจรชั่ว
อัสมา โลกา ปะรัมหา จะ                                  ย่อมเสื่อมจากโลกทั้ง คือ จากโลกนี้ 
อุภะยา ธังสะเต นะโร.                                      จากโลกหน้า
อักขิตถิโย วารุณี นัจจะคีตัง                             การพนันและหญิง สุรา ฟ้อนรำขับร้อง
ทิวา โสปปัง ปาริจะริยา อะกาเส                      นอนหลับกลางวันบำเรอตนในสมัยมิใช่กาล
ปาปา จะ มิตตา สุกระทะริยะตา จะ                 มิตรชั่ว ความเป็นผู้ตระหนี่เหนียวแน่นยิงนัก
เอเต ฉะ ฐานา ปุริสัง ธังสะยันติ.                      เหตุ อย่างเหล่านี้ย่อมทำบุรุษให้เสื่อมจาก
                                                                        สุขประโยชน์ที่จะพึงได้พึงถึง
อักเขหิ ทิพพันติ สุรัง ปิวันติ                            ชนเหล่าใด เล่นการพนัน ดื่มสุรา
ยันติตถิโย ปาณสะมา ปะเรสัง                         ถึงภรรยาที่รักเสมอด้วยชีวิตของชายอื่น
นิหีนะเสวี นะ จะ วุฑฒิเสวะ                            คบคนต่ำช้า ไม่คบหาคนมีความเจริญ
นิหียะติ กาฬะปักเขวะ จันทิมา.                       ชื่อเสียงยศศักดิ์ของคนเหล่านั้นย่อมเสื่อมถอย
ดุจพระจันทร์ในข้างแรม
โย วารุณิ อะธะโต อะกิญจะโน                         ผู้ใดดื่มสุรา ไม่มีทรัพย์ หมดความขวนขวายในการงาน
ปิปาโสสิ อัตะปาคะโต                                      เป็นคนขี้เมา ปราศจากทรัพย์
อุทะกะมิวะ อิณัง วิคาหะติ                               จักจมหนี้อยู่ ดุจก้อนหินจมน้ำ
อากุลัง กาหะติ ขิปปะมัตตะโน.                        จักทำความวุ่นวายให้แก่ตนโดยเร็ว
นะ ทิวาสุปปะสีเลนะ                                       คนมักนอนหลับในกลางวัน
รัตตินุกฐานะเทสสินา                                      เกลียดชังการลุกขึ้นในกลางคืน
นิจจัง มัตเตนะ โสณเฑนะ                               เป็นคนเมามายอยู่เป็นนิตย์ เป็นนักเลง
สักกา อาวะสิตุง ฆะรัง                                     ไม่อาจจะอยู่ครอบครองเย้าเรือนได้
อะติสีตัง อะติอุณหัง                                        ประโยชน์ทั้งหลายย่อมเป็นไป
อะติสายะมิทัง อะหุ                                          ล่วงชายหนุ่มที่สละละทิ้งการงานเสีย
อิติ วิสสักฐกัมมันเต                                         ด้วยอ้างเลสว่า หนาวนัก ร้อนนัก
อัตถา อัจเจนติ มาณะเว.                                  วันนี้ เย็นเกินเสียแล้วดังนี้
โย จะ สีตัญจะ อุณหัญจะ                                 ผู้ใด ไม่สำคัญหนาวและร้อน
ติณา ภิยโย นะ มัญญะติ                                   ยิ่งกว่าหญ้า
กะรัง ปุริสะกิจจานิ                                          ทำกิจของบุรุษอยู่
โส สุขา นะ วิหายตีติ.                                       ผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจากความสุขเลย
จัตตาโรเม คะหะปะติปุตตะ                             ดูก่อนคฤหบดีบุตร คน จำพวกเหล่านี้
อะมิตตา มิตตะปะฏิรูปะกา เวทิตัพพา             ท่านพึงรู้ว่ามิใช่มิตร เป็นแต่มิตรชั่ว
1อัญญะทัตถุหะโร อะมิตโต                             คือ คนปอกลอก นำสิ่งของต่างๆ เพื่อนไปถ่ายเดี่ยว๑
มิตตะปะฏิรูปะโก เวทิตัพโพ                            ท่านพึงรู้ว่ามิใช่มิตร เป็นแต่มิตรเทียม
2 วะจีปะระโม อะมิตโต                                    คนดีแต่พูด ไม่สงเคราะห์เพื่อนจริง
มิตตะปะฏิรูปะโก เวทิตัพโพ                            ท่านพึงรู้ว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่มิตรเทียม                      
3 อะนุปปิยะภาณี อะมิตโต                               คนช่างพูดประจบสอพลอ ท่านพึงรู้ว่าไม่ใช่มิตร
มิตตะปะฏิรูปะโก เวทิตัพโพ                            เป็นแต่มิตรเทียม
4 อะปายะสะหาโย อะมิตโต                             คนเป็นสหายในความฉิบหาย ท่านพึงรู้ว่าไม่ใช่มิตร
มิตตะปะฏิรูปะโก เวทิตัพโพ.                           เป็นแต่มิตรเทียม
จะตูหิ คะหะปะติปุตตะ                                   ดูก่อนคฤหบดีบุตร คนปอกลอกนำเอาสิ่งของๆ
ฐาเนหิ อัญญะทัตถุหะโร                                  เพื่อนไปถ่ายเดียว  ท่านพึงรู้ว่าไม่ใช่มิตร
อะมิตโต มิตตะปะฏิรูปะโก เวทิตัพโพ             เป็นแต่มิตรเทียม ด้วยสถาน อย่าง
อัญญาทัตถุหะโร โหติ                                      คือคนปอกลอกเอาไปถ่ายเดียวอย่าง
อัปเปนะ พะหุมิจฉะติ                                      ปรารถนาจะได้ของมากด้วยให้ของเล็กน้อยอย่าง๑
ภะยัสสะ กิจจัง กะโรติ                                     มีภัยแต่ตน จึงทำกิจของเพื่อนอย่าง
เสวะติ อัตถะการะณา                                       คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์อย่าง
 อิเมหิ โข คะหะปะติปุตตะ                              ดูก่อนคฤหบดีบุตร
จะตูหิ จาเนหิ                                                   คนปอกลอกนำเอาสิ่งของเพื่อนไปถ่ายเดียว
อัญญะทัตถุหะโร อะมิตโต                               ท่านพึงรู้ว่าไม่ใช่มิตรเป็นแต่มิตรเทียม
มิตตะปะฏิรูปะโก เวทิตัพโพ.                           ด้วยสถาน อย่างเหล่านี้แล
จะตูหิ โข คะหะปะติปุตตะ                              ดูก่อนคฤหบดีบุตร
ฐาเนหิ วะจีปะระโม อะมิตโต                           คนดีแต่พูด ท่านพึงรู้ว่ามิใช่มิตร
มิตตะปะฏิรูปะโก เวทิตัพโพ                            เป็นคนเทียมมิตร ด้วยสถาน อย่างเหล่านี้แล
อะตีเตนะ ปะฏิสันถะระติ                                คือปราศรัยด้วยของทีล่วงแล้วอย่าง
อะนาคะเตน ปะฏิสันถะระติ                            ปราศรัยด้วยของทียังไม่มาถึงอย่าง
นิรัตเถนะ สังคัณหาติ                                      สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้อย่าง
ปัจจุปันเนสุ กิจเจสุ                                          เมื่อมีกิจเกิดขึ้นแล้ว     
พะยะสะนัง ทัสสะเสติ                                     แสดงความขัดข้องอยาง
อิเมหิ โข คะหะปะติปุตตะ                               ดูก่อนคฤหบดีบุตร 
จะตูหิ จาเนหิ วะจีปะระโม                               คนดีแต่พุด ท่านพึงรู้ว่าไม่ใช่มิตร
อะมิตโต มิตตะปะฏิรุปะโก เวทิตัพโพ.            เป็นคนเทียมมิตร ด้วยสถาน อย่างเหล่านี้แล

ไม่มีความคิดเห็น: